กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค (ประเทศไทย)
บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้ผลิตกระดาษคราฟท์รายใหญ่ของประเทศไทย แจ้งว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 51 ล้านบาทในปี 2545 หลังจากที่ประสบกับภาวะขาดทุนเกือบ 90 ล้านบาท ในปี 2544
ปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีกำไรพุ่งขึ้นเนื่องจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น จาก 2,555 ล้านบาท ในปี 2544 เป็นกว่า 3,400 ล้านบาทในปี 2545 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 34% โดยมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าพิจารณาจากยอดค่าใช้จ่าย จะพบว่า ดอกเบี้ยจ่ายลดลง อย่างมาก และค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นก็อยู่ในระดับที่ต่ำกว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ไทยเคนเปเปอร์ มีกำไรในปี 2545
ไทยเคนเปเปอร์ ยังได้รายงานว่า มูลค่าหุ้นตามบัญชีของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 68% เป็น 20 บาท สัดส่วนหนี้ต่อทุนลดลงจาก 2.7 เป็น 1.7 เท่า และผลกำไรต่อหุ้นคิดเป็น 0.35 บาท
"บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถสะสางผลขาดทุนสะสมทั้งหมดได้ภายในต้นปี 2547 ทั้งนี้ การเพิ่มทุนอีก 1,000 ล้านบาทจะช่วยให้บริษัทฯ ชำระคืนหนี้ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ได้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องสูงขึ้น" มร. เคนท์ บลัมเบิร์ก ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าว
ในปี 2546 บริษัทฯ คาดว่าจะมียอดขายโตขึ้นประมาณ 5% ซึ่งจะเป็นผลลัพธ์จากปริมาณความต้องการกระดาษคราฟท์ในประเทศที่เพิ่มขึ้น การปรับกลยุทธ์ทางด้านการตลาดของบริษัทฯ และราคากระดาษในตลาดโลกที่จะปรับตัวสูงขึ้น ไทยเคนเปเปอร์ ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาด
กลุ่มโรงงานกล่องอิสระ เพิ่มขึ้นจาก 30% ในปี 2545 เป็น 35% ในปี 2546 โดยเริ่มนำเทคโนโลยีระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ หรือ CRM (Customer Relationship Management Programme) มาใช้อย่างเป็นกิจลักษณะ นอกจากนี้ บริษัทฯ จะควบคุมค่าใช้จ่าย โดยจะใช้วัตถุดิบและสารเคมีในกระบวนการผลิตกระดาษให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
"แผนงานระยะสั้นของบริษัทฯ ยังรวมถึงการนำระบบวางแผนทรัพยากร หรือ ERP (Enterprise Resource Planning) มาใช้บริหารข้อมูลและการบัญชี ตลอดจนการวางระบบมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ISO 14001 สำหรับแผนงานระยะยาวนั้น บริษัทฯ จะมองหาลู่ทางในการพัฒนารูปแบบการบริหารงานและวิธีการปฏิบัติงานให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ขณะนี้ บริษัทฯ กำลังทบทวนแผนการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้า ขนาด 9 เมกะวัตต์ ที่โรงงานในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของบริษัทฯ ลงเกือบ 50% หรือคิดเป็นเงิน 150 ล้านบาทต่อปี" มร. บลัมเบิร์ก กล่าวเสริม
บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตกระดาษคราฟท์รายใหญ่ของประเทศไทย ด้วยกำลังการผลิต 300,000 ตัน/ปี มีโรงงาน 2 แห่ง คือ ที่กาญจนบุรี และปราจีนบุรี ซึ่งโรงงานปราจีนบุรี เป็นโรงงานที่มีเครื่องจักรผลิตกระดาษคราฟท์ 4 ชั้น ของ Metso (Valmet) ซึ่งทันสมัย ที่สุดในโลก และมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
คุณบุญณา ตอไมตรีจิตร หรือ คุณสุรัตน์ สุพานิชวาทิน
โทร. 0-2440-0707 ต่อ 218--จบ--
-นห-