กระทรวงยุติธรรมจับมือ ม.นเรศวร ตั้งศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ เขตภาคเหนือ

กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--กระทรวงยุติธรรม
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยนเรศวร จัดตั้งศูนย์นิติวิทยาศาสตร์เขตภาคเหนือ เพื่อพัฒนางานนิติวิทยาศาสตร์ในระยะเวลา 5 ปี
ในวันนี้ (วันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2547) นายมานิตย์ สุธาพร รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านอำนวยความยุติธรรม ได้ลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกระทรวงยุติธรรมกับมหาวิทยาลัยนเรศวร โดย รองศาสตราจารย์ ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ในการจัดตั้งศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ขึ้น ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งจะเป็นศูนย์นิติวิทยาศาสตร์แห่งแรกในเขตภาคเหนือ เพื่อเป็นสถานที่สำหรับการพัฒนางานด้านนิติวิทยาศาสตร์ ให้สามารถใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไปช่วยในการพิสูจน์หลักฐาน สร้างความยุติธรรมในการวินิจฉัยคดี รวมทั้งการพัฒนาระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการด้านนิติวิทยาศาสตร์ให้ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของสังคม ยังประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศชาติ
โดยมีกำหนดข้อตกลงในการร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. ด้านการจัดตั้งศูนย์นิติวิทยาศาสตร์
1.1 ดำเนินการจัดตั้งศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ในเขตภาคเหนือ ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม และประชาชนทั่วไป
1.2 ดำเนินการจัดการศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพ ยังผลแก่การสร้างความยุติธรรมให้แก่สังคม
2. ด้านการเรียนการสอน การวิจัย และพัฒนา
2.1 ดำเนินการเรียนการสอน การวิจัย และพัฒนาทางนิติวิทยาศาสตร์
2.2 ดำเนินการพัฒนาระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการทางนิติวิทยาศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพ
3. ด้านการพัฒนาบุคลากร
3.1 ร่วมกันจัดการประชุม สัมมนา การฝึกอบรม เพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถบุคลากรทั้งสองฝ่าย
3.2 กระทรวงยุติธรรมจะให้ความสนับสนุนบุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยนเรศวร ในด้านการฝึกปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มประสบการณ์วิชาชีพ ตลอดจนการศึกษาดูงานในสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง
3.3 มหาวิทยาลัยนเรศวร จะให้การสนับสนุนในการจัดการเรียนการสอน และการศึกษาต่อเนื่อง ในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรีแก่ข้าราชการของกระทรวงยุติธรรม
3.4 ทั้งสองสถาบัน จะให้การสนับสนุนการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ และห้องปฏิบัติการในการปฏิบัติภารกิจร่วมกัน
4. ด้านการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ
4.1 จัดให้มีการเชื่อมโยงระบบข้อมูลสารสนเทศ และระบบห้องสมุดที่มีอยู่ ของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในการศึกษา ค้นคว้าวิจัย และอ้างอิงซึ่งกันและกัน เพื่อให้ระบบข้อมูลสารสนเทศที่พัฒนาขึ้นได้รับการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
4.2 ร่วมกันพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศใหม่ ตามความจำเป็นและความต้องการใช้งาน เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาด้านนิติวิทยาศาสตร์ ตลอดจนการศึกษาวิจัยและพัฒนาในสาขาที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วน
ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าว มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันลงนามเป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 5 ปี หากจะมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือยกเลิก จะกระทำได้ด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย--จบ--
-รก-