ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศผลประกอบการและฐานะการเงินประจำปี 2546 ก่อนการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอิสระ

อังคาร ๒๐ มกราคม ๒๐๐๔ ๐๙:๔๔
กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--ธนาคารไทยพาณิชย์
ธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งผลประกอบการเบื้องต้นสำหรับสำหรับปี 2546 ก่อนการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอิสระ โดยธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 12,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับขาดทุนสุทธิ 12,487 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากในปีก่อนมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญจำนวน 24,825 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้มีการตั้งสำรองทั่วไปจำนวน 2,400 ล้านบาท สำหรับไตรมาสสี่ของปี 2546 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 3,256 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 3,232 ล้านบาทในไตรมาส 3/2546 และขาดทุน 13,533 ล้านบาทในไตรมาส 4/2545
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า "ผลประกอบการในปี 2546 ออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยธนาคารสามารถสร้างสถิติใหม่ได้ทั้งในแง่ของกำไรสุทธิและสินทรัพย์รวมที่สูงเป็นประวัติการณ์ของธนาคาร และยังสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 20 ทั้งนี้เนื่องจากการรุกตลาดอย่างเป็นขั้นตอนทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้รายได้จากกลุ่มลูกค้าสินเชื่อเติบโตขึ้น
นอกจากนี้กลุ่มบริษัทในเครือด้านธุรกิจการเงินทั้งหลักทรัพย์ ประกัน เช่าซื้อ ลีสซิ่ง การจัดการกองทุนรวมและอื่นๆยังสามารถสร้างกำไรให้กับธนาคารได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกือบ 400 ล้านบาท"
คุณหญิงชฎายังกล่าวต่อไปอีกว่า "นอกจากการรุกตลาดแล้วธนาคารยังให้ความสำคัญในแง่ของประสิทธิภาพการจัดการดังจะเห็นได้จากการบริหารส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ให้สูงขึ้นเป็นร้อยละ 2.6 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งเป็นไปตามที่ธนาคารได้วางเป้าหมายไว้ นอกจากนี้ สินเชื่อด้อยคุณภาพยังได้ลดลงถึงเกือบ 30,000 ล้านบาทจากปีก่อน โดยมียอดคงค้าง 89,791 ล้านบาทหรือประมาณร้อยละ 17 ซึ่งนับเป็นความพยายามของธนาคารที่จะลดหนี้ด้อยคุณภาพให้เหลือต่ำกว่าร้อยละ 5 ภายในระยะเวลา 3 ปี"
ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร กล่าวถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจในระยะต่อไปว่า "ธนาคารมีเป้าหมายที่จะรักษาผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2547 นี้ ธนาคารจะมุ่งเน้นในด้านการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจผ่านเครือข่ายของธนาคารทั้งสาขาและบริษัทในเครือ เข้าสู่เป้าหมายในการเป็น Universal Banking เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวสูงขึ้น ขณะที่ธนาคารมีความพร้อมในการแข่งขันจากการที่โครงการปรับปรุงธนาคารที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องได้สร้างรากฐานการดำเนินธุรกิจที่ดีไว้"
รายละเอียดผลประกอบการที่สำคัญมีดังต่อไปนี้
1. รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ
ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิจากดอกเบี้ยจ่ายในปี 2546จำนวน 19,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1 จากปีก่อนเนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 1 ถึง 3 ของปีนี้และการปรับโครงสร้างหนี้ทำให้มีรายได้ดอกเบี้ยรับจากหนี้มีปัญหาที่กลับมาเป็นหนี้ดีเพิ่มขึ้น โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ในปีนี้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.5 ในปีก่อนเป็นร้อยละ 2.7
สำหรับไตรมาสที่สี่ รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิมีจำนวน 5,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 4,659 ล้านบาท และ 4,412 ล้านบาท ในไตรมาสที่สามของปีนี้และไตรมาสที่สี่ของปีก่อนตามลำดับ ทั้งนี้ รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มาจากลูกหนี้ที่มีการปรับโครงสร้างหนี้ที่สามารถจ่ายดอกเบี้ยที่ค้างอยู่เดิมได้
2. รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย
สำหรับงวดปี 2546 ธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 9,298 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 จากปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 449 ล้านบาท ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้น ของค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการให้สินเชื่อ และรายได้จากค่าธรรมเนียมลูกค้ารายย่อยทั้งจากผลิตภัณฑ์เดิม เช่น ค่าธรรมเนียมบัตร ATM บัตรเครดิตรวมถึงธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ (SCB Easy Bank) และจากผลิตภัณฑ์ใหม่เช่น Bancassurance นอกจากนี้ ส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 396 ล้านบาทจากภาวะทางธุรกิจที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจการเงินทั้งหลักทรัพย์ ประกัน เช่าซื้อ ลีสซิ่งและการจัดการกองทุนรวม ในขณะที่กำไรจากเงินลงทุนลดลง 515 ล้านบาทเนื่องจากมีการขายเงินลงทุนน้อยลง ประกอบกับการตั้งสำรองเผื่อการด้อยค่าของตราสารหนี้บางส่วน
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2546 ธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้จำนวน 2,163 ล้านบาท ลดลง 758 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนซึ่งมีจำนวน 2,921 ล้านบาท ส่วนใหญ่เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนลดลง 684 ล้านบาทจากการตั้งสำรองเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนในตราสารหนี้
3. ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ย
ธนาคารมีค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยในปี 2546 จำนวน 13,512 ล้านบาท ลดลง 600 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้มีการตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์รอการขายลดลง และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์ลดลงจากการปรับอายุการใช้งานของอาคารจาก 20 ปี เป็น 50 ปี สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่าย ต่อรายได้จากการดำเนินงาน (Operating cost to income ratio) ลดลงจากร้อยละ 53 ในปีก่อน เป็นร้อยละ 48 ในปีนี้ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้จำนวน 3,452 ล้านบาท ลดลง 296 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน เนื่องจากในไตรมาสก่อนมีการตั้งค่าเผื่อค่าใช้จ่ายในการขายสินทรัพย์รอการขาย และค่าเผื่อ การด้อยค่าของสินทรัพย์รอการขายรวม 470 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3,278 ล้านบาทเป็น 3,452 ล้านบาท
4. ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ
ในปีนี้ ธนาคารตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 2,400 ล้านบาท จากการตั้งสำรองเป็นการทั่วไป (General reserve) เดือนละ 200 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 ธนาคารมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 72,374 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อจัดชั้นมีปัญหา(NPL)ร้อยละ 80.6
งบดุล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 ธนาคารมียอดสินเชื่อ 506,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21,204 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.4 จากสิ้นปี 2545 และเพิ่มขึ้น 15,044 ล้านบาทหรือร้อยละ 3.1 จากไตรมาสก่อน สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อลูกค้าบุคคล โดยเฉพาะสินเชื่อเคหะ และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) มีการขยายตัวเล็กน้อย ในปีนี้ ธนาคารได้มีการตัดหนี้สูญจำนวน 9,895 ล้านบาททั้งจากการปรับโครงสร้างหนี้และการจำหน่ายหนี้สูญ
ธนาคารมียอดเงินฝาก 607,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2545 จำนวน 38,530 ล้านบาท ขณะที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จำนวน 16,237 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.7 สำหรับสัดส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารในไตรมาสนี้ ยังทรงตัวที่ร้อยละ 83.4
ธนาคารมีส่วนของผู้ถือหุ้น 75,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2545 และไตรมาส 3/2546 จำนวน 23,406 ล้านบาทและ 8,829 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากกำไรสุทธิในแต่ละงวด และกำไรจากการตี ราคาหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นตามภาวะตลาดทุน
เงินกองทุนตามกฎหมาย (ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 มีจำนวน 66,101 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 12.8 ของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเป็นส่วนของเงินกองทุนชั้นที่ 1 ประมาณร้อยละ 7.1 ของสินทรัพย์เสี่ยง (ยังไม่รวมกำไรของงวดปี 2546 จำนวน 12,460 ล้านบาท ทั้งนี้ หากรวมกำไรของปี 2546 แล้วเงินกองทุนชั้นที่ 1 จะเป็นประมาณร้อยละ 9.5)
สินเชื่อจัดชั้นมีปัญหา
ธนาคารมีสินเชื่อจัดชั้นมีปัญหา (NPLs) ตั้งแต่ชั้นต่ำกว่ามาตรฐานลงมาตามคำนิยามของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ณ สิ้นปี 2546 จำนวน 89,791 ล้านบาทหรือร้อยละ 17.51 ลดลง 29,021 ล้านบาทจากปีก่อนซึ่งมีจำนวน 118,811 ล้านบาท สินเชื่อจัดชั้นมีปัญหามีจำนวนลดลงส่วนหนึ่งเนื่องจากการตัดหนี้สูญและจากการแก้ปัญหาหนี้ที่มีความคืบหน้าขึ้น
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), 9 ถนนรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
ทีมนักลงทุนสัมพันธ์ โทร: 662-544-4222, แฟกซ์: 662-937-7931, Web site http://www.scb.co.th,
E-mail: [email protected]จบ--
-รก-

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version