กรุงเทพฯ--25 มี.ค.--ตลาดหลักทรัพย์ฯ
คณะกรรมการตลท.อนุมัติเงินลงทุน 300 ลบ.จัดตั้งตลาดอนุพันธ์ ผ่อนผันรอยเนทนำส่งงบการเงินภายใน 31 ก.ค. 47 และให้ทำแผนธุรกิจที่ชัดเจนส่งตลท.ภายใน 31 ต.ค. 47 พร้อมออกข้อกำหนดเพื่อรองรับกรณีสถาบันการเงินที่เป็นบริษัทจดทะเบียนมีการควบหรือโอนกิจการตามพ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์
นางภัทรียา เบญจพลชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงมติคณะกรรมการตลท. ในการประชุมเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2547 ว่า “คณะกรรมการตลท.ได้อนุมัติงบประมาณลงทุน และ/หรือ เงินกู้จำนวน 300 ล้านบาทแก่บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของตลท.ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการเป็นศูนย์ซื้อขายตราสารอนุพันธ์ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2548 ทั้งนี้ตลาดอนุพันธ์ที่จัดตั้งขึ้นจะเป็นแหล่งกลางในการซื้อขายอนุพันธ์ ซึ่งเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงทางการเงินที่สำคัญให้แก่ผู้ประกอบการและผู้ลงทุน และทำให้ตลาดทุนไทยมีตราสารที่หลากหลายและครบถ้วนยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ คณะกรรมการตลท.ได้พิจารณาเกี่ยวกับกรณี บริษัท รอยเนท จำกัด (มหาชน) (ROYNET) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ไม่ส่งงบการเงินประจำปี 2545 เกินกว่า 180 วัน นับจากวันที่ตลท.ประกาศให้บริษัทเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน รวมทั้งยังไม่นำส่งงบการเงินรายไตรมาสปี 2546 และงบการเงินประจำปี 2546 ซึ่งทำให้บริษัทเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน ทั้งนี้ ตลท. ได้แจ้งให้บริษัทนำส่งงบการเงินภายในวันที่ 1 มี.ค.2547 และอาจถูกพิจารณาเพิกถอนหากไม่สามารถนำส่งได้ตามกำหนด ซึ่งบริษัทได้ชี้แจงข้อมูลและขอผ่อนผันระยะเวลานำส่งงบการเงินดังกล่าวออกไป เนื่องจากบริษัทมีปัญหาด้านการบริหารงานและเพิ่งได้รับการตอบรับจากผู้สอบบัญชี
“คณะกรรมการตลท.พิจารณาแล้วเห็นว่าคณะกรรมการชุดใหม่ของบริษัท เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2546 และมีปัญหากับผู้บริหารกลุ่มเดิม ทำให้การส่งมอบงานและการดำเนินธุรกิจไม่ราบรื่น และอาจมีผลทำให้ไม่มีผู้ตอบรับเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัท ซึ่งเป็นปัจจัยที่ฝ่ายจัดการชุดปัจจุบันไม่อาจควบคุมได้
คณะกรรมการตลท. จึงมีมติให้ผ่อนผันเวลาจัดทำและนำส่งงบการเงินประจำปี 2545 งบการเงินรายไตรมาสและงบการเงินประจำปี 2546 รวมไปถึงงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2547 เป็นภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2547 และกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทจัดทำแผนธุรกิจที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจะสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง เพื่อนำส่งตลาดหลักทรัพย์ภายใน 31 ตุลาคม 2547 หากไม่สามารถดำเนินการตามที่กำหนด คณะกรรมการตลท.จะพิจารณาเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทต่อไป” นางภัทรียากล่าว
นางภัทรียากล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการตลท.ด้วยว่า เนื่องจากสถาบันการเงินที่เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการควบหรือโอนกิจการตาม พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ ต้องขอผ่อนผันการปฏิบัติตามข้อกำหนดของตลท.เนื่องจากข้อกำหนดเดิมของตลท.ไม่ครอบคลุมกรณีการควบหรือโอนกิจการตาม พรบ.การธนาคารพาณิชย์
“คณะกรรมการตลท. จึงมีมติให้ออกข้อกำหนดตลท.ให้ครอบคลุมการผ่อนผันการควบหรือการโอนกิจการทั้งพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจเงินทุนฯ และพ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้การควบหรือการโอนกิจการของบริษัทจดทะเบียน ตามพ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว และเพื่อรองรับการควบรวมกิจการของสถาบันการเงินที่จะเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งจะนำเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ความเห็นชอบต่อไป”
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229-2036 / รุ่งรัชนี อริยภิญโญ โทร. 0-2229-2659 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 - 2037 / ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229-2049--จบ--
-นห-