กรุงเทพฯ--7 เม.ย.--กทม.
เมื่อวันที่ 5 เม.ย.47 เวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา ที่ห้องอเนกประสงค์ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นางณฐนนท ทวีสิน ปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายโกสินทร์ เทศวงษ์ ผู้อำนวยการเขตพระนคร และนายวิบูลย์ นพคุณ ผู้อำนวยการเขตบางพลัด ร่วมแถลงข่าวใน “พบกัน จันทร์ละหน คนกับข่าว” เรื่อง การจัดงานเทศกาลสงกรานต์สืบสานประเพณีไทย ประจำปี 2547
ร่วมสักการะและสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ไทย
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในปีนี้กรุงเทพมหานครมีการจัดงานสงกรานต์หลายพื้นที่ อาทิ ท้องสนามหลวง สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 สวนสันติชัยปราการ ถนนข้าวสาร และสำนักงานเขตต่าง ๆ ของกทม. สำหรับกิจกรรมที่ท้องสนามหลวงจะมีพิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ในวันที่ 12 เม.ย.47 เวลา 08.00 น. โดยนายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธานประกอบพิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ซึ่งจะตั้งขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ พร้อมด้วยขบวนรถบุปผชาติ และขบวนรถข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ณ บริเวณถนนกลางมณฑลพิธีท้องสนามหลวง แล้วจึงเคลื่อนขบวนออกจากถนนหน้าพระธาตุ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหน้าพระลาน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินใน ข้ามสะพานผ่านพิภพลีลา เข้าถนนราชดำเนินกลาง (ชิดเกาะกลางถนน) ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เลี้ยวขวาเข้าถนนดินสอ ผ่านหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เข้าถนนตรีทอง เลี้ยวซ้ายแยกเฉลิมกรุง เข้าถนนเจริญกรุง ตรงไปเลี้ยวขวาเข้าถนนจักรวรรดิ์ ข้ามสะพาน พระปกเกล้าฯ เข้าสู่ถนนประชาธิปก ผ่านสี่แยกบ้านแขก เข้าสู่ วงเวียนใหญ่ เวลา 10.00 น.
จากนั้นเวลา 11.30 น. ขบวนอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ เคลื่อนขบวนออกจากวงเวียนใหญ่ เข้าสู่ถนนอินทรพิทักษ์ เลี้ยวขวา สี่แยกท่าพระ เข้าถนนจรัญสนิทวงศ์ ผ่านสามแยกไฟฉาย เลี้ยวขวาแยกบรมราชชนนี เข้าสู่ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ข้ามสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจ้าฟ้า เลี้ยวขวาแยกถนนพระอาทิตย์ เข้าสู่ถนนพระอาทิตย์ ขบวนรถจอดบริเวณหน้า สวนสันติชัยปราการ ตั้งแต่เวลาประมาณ 13.00 น. ซึ่งจะหยุดอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงจึงเลี้ยวขวาแยกบางลำพู เข้าสู่ถนนจักรพงษ์ และจะจอดอยู่บริเวณหน้าวัดชนะสงคราม ตั้งแต่เวลา 13.45 น. หลังจากนั้น เวลา 14.45 น. ขบวนอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ เคลื่อนขบวนออกจากหน้าวัดชนะสงคราม เลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินกลาง เลี้ยวขวากลับรถที่สี่แยกคอกวัว เข้าสู่ถนนราชดำเนินกลาง ข้ามสะพานผ่านพิภพลีลาผ่านหน้าศาลฎีกา เลี้ยวขวาเข้าสู่สนามหลวง เวลา 15.00 น. แล้วจึงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ขึ้นประดิษฐานบนมณฑป ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ให้ประชาชนได้สักการะและสรงน้ำ จนถึงเวลา 16.00 น. ของวันที่ 13 เม.ย.47
ในวันที่ 13 เม.ย.47 เวลา 07.00 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง มีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 222 รูป และพิธีถวายภัตตาหารเช้าแด่พระราชาคณะ 10 รูป ในช่วงบ่าย เวลา 16.00 น. มีพิธีอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์กลับพระที่นั่งพุทไธสวรรย์
เทศกาลสงกรานต์ สืบสานประเพณี ชมของดีเขตบางพลัด
ผู้อำนวยการเขตบางพลัด กทม. กล่าวว่า สำนักงานเขตบางพลัดร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน สภาวัฒนธรรมเขตบางพลัด ส.ส., ส.ก., ส.ข. และประชาชนในพื้นที่เขต กำหนดจัดงาน “เทศกาลสงกรานต์ สืบสานประเพณี ชมของดีเขตบางพลัด” ในวันที่ 8-12 เม.ย. 47 ณ บริเวณใต้สะพานพระราม 8 (ฝั่งธนบุรี) เพื่อเป็นการส่งเสริม เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมประเพณีไทยแก่นักท่องเที่ยวทั้ง ชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยจะมีกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การรำกลองยาว การละเล่นเพลงเรือ การแข่งขันชกมวยไทยนานาชาติ ชมมวยตับจาก หัวล้านชนกัน การแข่งขันตะกร้อลอดบ่วง และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งยังมีการทำบุญตักบาตร รดน้ำขอพรผู้สูงอายุ และพิธีสรงน้ำพระพุทธแซกคำ เพื่อก้าวสู่วันมหาสงกรานต์ด้วยความเป็นสิริมงคล
ผู้อำนวยการเขตบางพลัด กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้เขตฯ ขอเชิญพ่อแม่ ผู้ปกครองส่งบุตรหลานของท่านซึ่งเป็นเด็กหญิง อายุ 6-10 ปี เข้าร่วมประกวดหนูน้อยสงกรานต์ โดยนำหลักฐานการสมัคร ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้านและภาพถ่ายขนาดโปสการ์ด รางวัลชนะเลิศ จะได้รับทุนการศึกษา 5,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศของปลัดกรุงเทพมหานครและสายสะพาย รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 จะได้รับทุนการศึกษา 3,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศของ ส.ส.ภิมุข สิมะโรจน์ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 จะได้รับทุนการศึกษา 2,000 บาท พร้อมถ้วยเกียรติยศของ ส.ก. ดร.จักรพันธ์ พรนิมิตร และรางวัลขวัญใจช่างภาพ จะได้รับทุนการศึกษา 2,000 บาท จากประธานสภาวัฒนธรรมเขตบางพลัด พร้อมถ้วยเกียรติยศของผู้อำนวยการเขตบางพลัดและสายสะพาย
ผู้สนใจสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 12 เม.ย. 47 เวลา 12.00 น. ณ ห้างตั้งฮั่วเส็ง เคาน์เตอร์สมาชิกสัมพันธ์ ชั้น 4 สาขาบางลำพู และแผนกบัตรสมาชิก ชั้น 2 สาขาธนบุรี โทร.0 2434 0448 ต่อ 788, 789, 842 และที่สำนักงานเขตบางพลัด ฝ่ายปกครอง ชั้น 1 และฝ่ายการศึกษา ชั้น 5 โทร.0 2435 2060 โทรสาร 0 2424 8875 ในวัน เวลาราชการ
ถนนข้าวสาร จัดสงกรานต์นานาชาติ
ผู้อำนวยการเขตพระนคร กล่าวว่า สำนักงานเขตพระนคร ร่วมกับ ประชาคมบางลำพู สมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร และสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร จัดงานวันสงกรานต์ ที่สวนสาธารณะสวนสันติชัยปราการ ระหว่างวันที่ 12-13 เมษายน 2547 โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ พิธีแห่พระบรมสารีริกธาตุพุทธบางลำพูประชานาถ พิธีรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ พิธีสรงน้ำพระพุทธบางลำพูประชานาถ พิธีสรงน้ำพระสงฆ์ พิธีตักบาตร การแสดงมหรสพไทยเดิม การแสดงของชุมชน ละคร การประชันดนตรีสด การแสดงโขน จากกรมศิลปากร เป็นต้น ส่วนบริเวณถนนข้าวสาร ระหว่างวันที่ 11-15 เมษายน 2547 มีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ ขบวนการแห่การละเล่นแบบไทย ขบวนแห่รถโบราณ การแสดงวงดนตรีสุนทราภรณ์วงใหญ่ การแสดงดนตรีไทยพื้นบ้าน การประกวดเทพีสงกรานต์ถนนข้าวสาร(นานาชาติ) ขบวนแห่แบบ Carnival เป็นต้น
กทม.ขอความร่วมมือ เล่นสาดน้ำสงกรานต์อย่างสุภาพ
ในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย กรุงเทพมหานครขอความร่วมมือจากประชาชนสืบสานเทศกาลสงกรานต์อย่างสุภาพคงไว้ซึ่งประเพณีและเอกลักษณ์ไทย เหมาะสมกับกาลเทศะ สำหรับการปฏิบัติตนไม่เหมาะสม อาทิ การเล่นสาดน้ำอย่างรุนแรง การใช้ปืนฉีดน้ำชนิดอัดลมแรง การขว้างปาถุงน้ำ หรือน้ำแข็ง การใช้น้ำสกปรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำแป้งที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐานมาเล่นในวันสงกรานต์ ซึ่งคณะกรรมการอาหารและยาตรวจสอบแล้ว พบเชื้อก่อโรคเป็นอันตรายต่อระบบประสาทผิวหนัง และทางเดินอาหาร อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย ขอให้งดเว้นอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้กรุงเทพมหานครขอเตือนประชาชนที่เล่นสงกรานต์โดยใช้สี หรือแป้ง ซึ่งทำให้เกิดความสกปรกอาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 และการประแป้งบนใบหน้าหรือร่างกายผู้อื่นเป็นการละเมิดสิทธิ เสรีภาพของผู้อื่น อาจถูกฟ้องดำเนินคดีในข้อหากระทำอนาจาร หรือก่อความเดือดร้อนรำคาญ ตามประมวลกฎหมายอาญาได้
เพื่อรักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทย และเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนเพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นแบบอย่างในการรณรงค์ให้ประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์อย่างถูกต้องตามวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม กรุงเทพมหานครจึงขอความร่วมมือประชาชนเล่นสาดน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทย โดยการใช้น้ำสะอาดหรือใช้ขันน้ำเล็กๆ ลอยดอกไม้หอมและใส่น้ำอบไทย ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยประหยัดการใช้น้ำในช่วงหน้าแล้ง ยังทำให้เกิดความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยในปีต่อไป--จบ--
-นห-