กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--กทม.
เมื่อวานนี้ (19 เม.ย.47) เวลา 11.30 น. ที่ห้องอเนกประสงค์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นางณฐนนท ทวีสิน ปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายชิตชนก เขมาวุฒานนท์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรขนส่ง นายประสิทธิ์ สาธร นายสุธีบูรณ์ บุรณเวช รองผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง แถลงข่าว “พบกัน จันทร์ละหน คนกับข่าว” ครั้งที่ 126 เรื่อง ความคืบหน้า โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยาย (BTS) การพัฒนาปรับปรุงระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรด้วยคอมพิวเตอร์ (ATC) ให้เหมาะสมกับสภาพการจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร การดำเนินมาตรการความปลอดภัยทางถนน โดยติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ และการรณรงค์ลดอุบัติเหตุจราจร
คาดปลายปีนี้ เริ่มก่อสร้างส่วนต่อขยาย
ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กล่าวว่า สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ได้ดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (BTS) ส่วนต่อขยาย 2 เส้นทาง ได้แก่เส้นทางส่วนต่อขยายสายสีลม ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร และส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ระยะทาง 8.9 กิโลเมตร ด้วยวงเงินงบประมาณกว่า 9,502 ล้านบาท ซึ่งได้ประกวดราคาก่อสร้างโครงการแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดซองสอบราคาได้เนื่องจากต้องรอมติคณะรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงรูปแบบการลงทุนโครงการ คาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้ในปลายปี 2547 โดยส่วนต่อขยายสายสีลมนั้นคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2548 และส่วนต่อขยายสายสุขุมวิทจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2550
สำหรับแผนการดำเนินงานในระยะ 6 ปี (2547-2552) ตามมติของคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกได้เห็นชอบโครงการขนส่งมวลชนระบบรางดังนี้ ส่วนต่อขยายแนวตะวันตก-ตะวันออก ระยะทาง 24 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 54,090 ล้านบาท ได้แก่ ช่วงอ่อนนุช-สำโรง ระยะทาง 8.9 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างในปี 2547, ช่วงสำโรง-สมุทรปราการ ระยะทาง 7.9 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างได้ในปี 2548, ช่วงพระราม 1-ปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ ระยะทาง 6.8 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างได้ในปี 2549, ส่วนต่อขยายแนวเหนือ-ใต้ ระยะทาง 19 กิโลเมตร วงเงินงบประมาณ 32,822 ล้านบาท ได้แก่ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กิโลเมตร เริ่ม ก่อสร้างได้ในปี 2548, ช่วงสะพานตากสิน-ถนนตากสิน ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างได้ในปี 2548, ช่วงถนนตากสิน-เพชรเกษม (บางหว้า) ระยะทาง 4.5 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างได้ในปี 2548 ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษา เพื่อศึกษาความเป็น ไปได้ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างตามโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ และสามารถเปิดให้บริการประชาชนครบทุกเส้นทางในปี 2552
เพิ่มจุดติดตั้งระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรด้วยคอมพิวเตอร์อีก 244 จุด
ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กล่าวต่อไปว่า จากสภาพปัญหาการจราจรที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สำนักการจราจรและขนส่งจึงได้พัฒนาระบบควบคุมสัญญาณไฟจราจรด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ ATC เพื่อช่วยบริหารจัดการจราจรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยแบ่งเบาภาระเจ้าหน้าที่ตำรวจในการควบคุมการจราจรพร้อมทั้งตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ และปรับจังหวะสัญญาณไฟจราจรบริเวณทางแยก รวมทั้งลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ตลอดจนภาระของบุคลากรและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังได้พัฒนาอุปกรณ์นับเวลาสัญญาณไฟจราจรรูปแบบใหม่ โดยจะมีลูกศรกำหนดทิศทางเพิ่มเติมในอุปกรณ์นับเวลาสัญญาณไฟจราจรเพื่อให้ผู้ขับขี่ทราบว่าเป็นการนับเวลาของสัญญาณไฟที่ควบคุมทิศทางใด โดยจะทำการติดตั้งอุปกรณ์นับเวลาแบบใหม่บริเวณทางแยกต่าง ๆ อีก 84 ทางแยกจำนวน 244 จุด ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ประมาณเดือนมิ.ย.47 นี้
ติดตั้งตู้อิเลคทรอนิกส์แนะนำเส้นทางจราจร
ผู้อำนวยการสำนักจราจรและขนส่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้และเสริมสร้างระเบียบวินัย ในการใช้รถใช้ถนนรวมถึงการป้องกันและลดอุบัติเหตุจราจรทางบก สำนักการจราจรและขนส่งจึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์วินัยจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ต่อเนื่องถึงเทศกาลเข้าพรรษา ระหว่างเดือนเม.ย.-ต.ค.47 โดยมีการจัดกิจกรรม 3 กิจกรรม คือ การรณรงค์วินัยจราจรทางสื่อวิทยุ การจัดทำสื่อเอกสารเผยแพร่รณรงค์วินัยจราจร และการจัดกิจกรรมให้ความรู้และปลูกฝังวินัยจราจรแก่เด็กและเยาวชนในโครงการต่างๆ เช่น โครงการสวนจราจรเยาวชนเคลื่อนที่ โครงการอบรมความรู้เกี่ยวกับการจราจรให้เยาวชนในเมืองจราจรจำลอง ณ สวนวชิรเบญจทัศ, โครงการอบรมให้ความรู้ด้านกฎจราจรและวินัยจราจรให้กับนักศึกษาสถาบันภาครัฐและเอกชน
นอกจากนี้ สำนักการจราจรและขนส่งยังได้จัดทำโครงการติดตั้งตู้อิเลคทรอนิกส์แนะนำเส้นทางจราจรและสถานที่ท่องเที่ยวด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ประชาชนผู้ที่ต้องเดินทาง รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องการสอบถาม ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางการเดินทางในรูปแบบมัลติมีเดีย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งระบบจะทำการค้นหาเส้นทางที่มีระยะสั้นที่สุดจำนวนอย่างน้อย 2 เส้นทางพร้อมสายรถประจำทางที่ผ่าน รวมถึงอัตราค่าโดยสาร และแสดงเส้นทางจากจุดเริ่มต้นถึงจุดหมายปลายทาง ทั้งนี้จะทำการติดตั้งในแหล่งชุมชน ศูนย์กลางการเดินทาง และสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้บริการประชาชนปลายปี 47 นี้--จบ--
-นห-