กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--กทม.
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.47 เวลา 15.30 น. ที่สถานีดับเพลิงสามเสน เขตดุสิต นายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร โดยมีนายสุทธิชัย ทรรศนสฤษดิ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และคณะ นำชมการสาธิตการดับเพลิงกู้ภัยด้วยอุปกรณ์ดับเพลิงและกู้ภัยที่ใช้ปฏิบัติงานอยู่ในปัจจุบันในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
โอกาสนี้รองปลัดกรุงเทพมหานคร ได้รายงานสรุปว่า ภารกิจการป้องกันระงับอัคคีภัยและการบรรเทาสาธารณภัยเป็นภารกิจที่มีความสำคัญ ซึ่งระบบการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศชาติ ทั้งนี้ที่ผ่านมาภารกิจด้านนี้ยังมิได้รับการสนับสนุนและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ เป็นปัญหาที่ควรจะต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขโดยเร่งด่วน ดังนี้ ปัญหาที่ 1. สถานีดับเพลิง ยานพาหนะและวัสดุอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ปัจจุบันสถานีดับเพลิงที่กทม.ได้รับโอนมามีอยู่ จำนวน 35 สถานี ซึ่งตามโครงสร้างของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกำหนดให้มี 70 สถานี ทั้งนี้หากจะให้รถดับเพลิงเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุได้ตามกำหนดของหลักวิชาการดับเพลิง คือ ภายในเวลาประมาณ 7-8 นาที ควรจะต้องมีสถานีดับเพลิงถึง 77 สถานี ปัญหาที่ 2. โรงเรียนการดับเพลิง ในการพัฒนางานด้านการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยจำเป็นจะต้องมีโรงเรียนการดับเพลิง เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน รวมทั้งปลูกจิตสำนึกให้ข้าราชการดับเพลิง มีจรรยาบรรณในวิชาชีพต่อไป ปัญหาที่ 3. บุคลากร เมื่อปี พ.ศ.2513 ตำรวจดับเพลิงมีจำนวน 3,000 นาย จนถึงปัจจุบันเวลาผ่านมา 34 ปี อาคารบ้านเรือนตึกสูงใน กทม. ได้เกิดขึ้นมากมาย แต่จำนวนตำรวจดับเพลิงกลับลดลงเหลืออยู่ประมาณ 1,400 นาย และ กทม. ได้กำหนดอัตราไว้เพียง 1,537 นาย ในชั้นต้นนี้เมื่อเปรียบเทียบเมืองโตเกียวในปี 2513 มีพนักงาน ดับเพลิงเท่า ๆ กับ กทม.แต่ขณะนี้เมืองโตเกียวมีพนักงานดับเพลิงเพิ่มขึ้นเป็น 17,000 นาย จึงควรมีการพิจารณากำหนดอัตรากำลังเพิ่มให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ--จบ--
-นห-