กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--บีโอไอ
พม่าพร้อมรับนักลงทุนไทย ประกาศแก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ พร้อมให้สิทธิประโยชน์สูงสุดสำหรับการลงทุนบริเวณชายแดนไทย-พม่า และเชิญนักลงทุนไทยไปสร้างโรงไฟฟ้ากว่า 10 แห่ง
นายภิรมย์ศักดิ์ ลาภาโรจน์กิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมเรื่องโอกาสในการลงทุนในสหภาพพม่า ร่วมกับนาย อู อ่อง ตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งสหภาพพม่า และนักธุรกิจไทยกว่า 20 คน ว่า ขณะนี้ทางฝ่ายพม่ากำลังเตรียมความพร้อมในหลายๆ ด้าน เพื่อรองรับการลงทุนจากไทย เช่น ด้านการจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการตั้งนิคมอุตสาหกรรม การปรับปรุงและเพิ่มความพร้อมในการให้บริการด้านระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ไฟฟ้า ระบบขนส่งทางถนน และรถไฟ ตลอดจนท่าเรือ
นอกจากนี้ พม่ายังได้เชิญชวนนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานผลิตไฟฟ้า ซึ่งภายในปี 2549 พม่ามีแผนจะสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำกว่า 10 โครงการ เนื่องจากปัจจุบันพม่ามีปัญหาเรื่องไฟฟ้าไม่เพียงพอ ทำให้เกิดไฟฟ้าดับบ่อย
สำหรับประเภทอุตสาหกรรมที่พม่าต้องการการลงทุนจากต่างประเทศ ได้แก่ เหมืองแร่ ถ่านหิน ไข่มุก ประมง อุตสาหกรรมเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งนี้หากนิคมอุตสาหกรรมชายแดนแล้วเสร็จ พม่าก็พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกทั้งในด้านการนำเข้าวัตถุดิบและส่งออกสินค้า และพร้อมที่จะให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนที่ลงทุนในนิคม ฯ สูงกว่าการลงทุนในส่วนอื่นของพม่า
ปัจจุบันมีประเทศต่างๆ เข้าไปลงทุนในพม่ารวม 27 ประเทศ มูลค่าการลงทุนรวม 7,592 ล้านเหรีญสหรัฐโดยไทยเป็นนักลงทุนอันดับ 3 มีมูลค่าการลงทุน 1,312 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการลงทุน 51 โครงการ สำหรับนักลงทุนอันดับหนึ่ง คือสิงคโปร์มี 72 โครงการ มูลค่า 1,572 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสหราชอาณาจักร มาเลเซียและอเมริกา มีการลงทุนมากเป็นอันดับ 3 ,4 และ 5 ตามลำดับ
สำหรับนักธุรกิจไทยที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้มีทั้งอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ยา สิ่งทอ พลาสติก เครื่องจักร วัสดุก่อสร้าง เหล็ก ฯลฯ ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในพม่า โดยสอบถามถึงปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่ได้รับฟังมา เช่น การถือครองที่ดิน การขอวีซ่า ปัญหาในการเดินทางภายในประเทศที่ต้องขออนุญาตทุกครั้ง ปัญหาไฟฟ้าดับบ่อย เป็นต้น--จบ--
-นท-