กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--สนพ.
รัฐใจป้ำ!!! ไม่หวั่นแม้วันนี้มีหนี้ชดเชยราคาน้ำมันถึง 1.3 หมื่นล้านบาท เติมเงินให้แก่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการตรึงราคาน้ำมันต่อไป
นายศิวะนันท์ ณ นคร ผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้สถาบันฯ ได้ตัดสินใจเปิดวงเงินแบบวิธีเบิกเงินเกินบัญชี (OD) จากธนาคารกรุงเทพ จำนวน 3,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1.75% มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อนำมาใช้ในการชดเชยราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศ นอกจากนี้สถาบันฯ ยังอยู่ในขั้นดำเนินการกู้เงิน OD กับธนาคารกสิกรไทยอีกจำนวน 5,000 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่ 1.79%
ทั้งนี้ สถาบันฯ ได้ร่วมกับกระทรวงการคลัง เปิดประมูลให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ ยื่นข้อเสนอการให้วงเงินกู้ พร้อมกับอัตราดอกเบี้ย มาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2547 เป็นต้นมา โดยทำการพิจารณาคัดเลือกธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เสนออัตราดอกเบี้ยต่ำสุด และอยู่บนเงื่อนไขที่ภาครัฐรับได้ส่วนการตรึงราคาน้ำมันขายปลีกตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม จนถึงปัจจุบัน วันที่ 10 มิถุนายน 2547 รัฐต้องชดเชยราคาน้ำมันแล้วประมาณ 13,500 ล้านบาท โดยที่ผ่านมารัฐโดยกรมสรรสามิต ซึ่งเป็นผู้ดูแลการใช้จ่ายเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้มีการจ่ายเงินให้แก่ ผู้ค้าน้ำมันแล้ว 3 งวด ประมาณ 2,409 ล้านบาท ดังนี้
งวดที่ 1 (10 มกราคม - 9 กุมภาพันธ์ 2547) มีการชำระหนี้ตรึงราคาน้ำมันแล้วประมาณ 1,016 ล้านบาท
งวดที่ 2 (10 กุมภาพันธ์ - 9 มีนาคม 2547) ประมาณ 693 ล้านบาท และ
งวดที่ 3 (10 - 31 มีนาคม 2547) ประมาณ 700 ล้านบาท ส่วน
งวดที่ 4 (1 - 30 เมษายน 2547) จะมีการจ่ายในเร็วๆ นี้อีกประมาณ 1,300 ล้านบาท
"ที่ผ่านมา แม้ว่ารัฐได้ปรับราคาเบนซินขึ้นอีกลิตรละ 60 สตางค์ ก็ตาม แต่รัฐยังต้องจ่ายเงินชดเชยค่าน้ำมันดีเซลมากที่สุด ประมาณวันละ 80 ล้านบาท รองลงมาคือเบนซินออกเทน 91 ประมาณ 25 ล้านบาท และเบนซินออกเทน 95 ประมาณ 16 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินที่รัฐต้องจ่ายชดเชยประมาณ 121 ล้านบาทต่อวัน
ขณะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกยังมีความผันผวนอยู่มาก แม้ว่าโอเปกจะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตอีกวันละ 2 ล้านบาร์เรล ก็ตาม" นายศิวะนันท์ กล่าวความสำคัญในขณะนี้ประชาชนชาวไทยต้องเข้าใจว่าราคาน้ำมันขายปลีกปัจจุบัน รัฐนั้นได้สั่งตรึงราคาไว้ ซึ่งราคาที่แท้จริงรัฐยังต้องนำเข้าในราคาที่แพงอยู่ โดยทุกคนควรร่วมมือกันใช้น้ำมันอย่างประหยัดและรู้คุณค่า ตลอดจนปฏิบัติตามมาตรการประหยัดพลังงานที่ได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ได้แก่ การใช้รถขนส่งมวลชน เปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงานในบ้าน เป็นต้น
ซึ่งจะช่วยลดภาระของประเทศและประชาชนในอนาคตได้--จบ--
-นท-