กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--บีโอไอ
บีโอไอนำคณะนักธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐกว่า 40 คนไปศึกษาลู่ทางการค้า-การลงทุนใน สปป. ลาว เพื่อขยายการลงทุนของไทยในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานและทรัพยากร พร้อมขยายผลกลุ่มยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง
นายสมพงษ์ วนาภา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า ระหว่าง วันที่ 11-13 กรกฎาคม 2547 นี้ บีโอไอจะนำคณะนักธุรกิจไทยและหน่วยงานภาครัฐรวม 47 คน เดินทาง ไปศึกษาลู่ทางการลงทุนที่ สปป. ลาว เพื่อส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยไปลงทุนใน สปป. ลาวให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นประเทศที่เหมาะในการใช้เป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก อาทิ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และอุตสาหกรรมที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ลาว มีความอุดมสมบูรณ์ เช่น อาหารและเกษตรแปรรูป เฟอร์นิเจอร์ ไฟฟ้าพลังน้ำ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จะสานต่อความสัมพันธ์ในการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจกับกลุ่ม ACMECS หรือกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ระหว่างประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และไทย
สำหรับการเดินทางไปส่งเสริมการลงทุนในลาวครั้งนี้ นอกจากจะได้เยี่ยมคารระ H.E. Mr. Thongloun SISOULITH รองนายกรัฐมนตรีของ สปป. ลาวแล้ว ทางคณะยังจะเดินทางไปเยี่ยมชม โรงงานของบริษัทไทรแม็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปของคนไทย ในประเทศลาว และบริษัท Lao Brewery Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเบียร์ของคนลาวที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ และยังจัดสัมมนาในหัวข้อ “ลู่ทางการลงทุนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว” โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและหัตถกรรมของ สปป. ลาว และตัวแทนจากหน่วยงานด้านการส่งเสริมการลงทุนหลายหน่วยงานมาร่วมบรรยายในการสัมมนาครั้งนี้ด้วย
ปัจจุบันนักลงทุนไทยถือเป็นนักลงทุนอันดับหนึ่งใน สปป. ลาว โดยสถิติตั้งแต่ปี 2531- มีนาคม 2547 มีมูลค่าการลงทุนรวม 2.725 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมหัตถกรรม ตัวแทนการค้า เสื้อผ้าสำเร็จรูป เกษตรและเกษตรแปรรูป ธุรกิจบริการ ส่วนนักลงทุนอันดับสอง สาม และสี่ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และฝรังเศส ตามลำดับ
ด้านการค้าในปี 2546 ไทย - สปป. ลาว มีมูลค่าการค้าระหว่างกันรวม 23,220.70 ล้านบาท โดยสถิติจากกรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและกรมศุลกากร ในปี 2546 ไทยส่งออกไป สปป. ลาว คิดเป็นมูลค่า 18,923.90 ล้านบาท และนำเข้ามูลค่า 4,296.80 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า 14,627.10 ล้านบาท สินค้าของไทยที่ส่งออกไป สปป. ลาว ได้แก่ เชื้อเพลิง เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ อุปกรณ์และชิ้นส่วน ส่วนสินค้า ที่นำเข้าจากลาว ได้แก่ ไม้และแปรรูป สินค้าประมงและปศุสัตว์ สินค้ากสิกรรม และแร่
ในการเดินทางครั้งนี้ภาคเอกชนที่ร่วมเดินทางไปด้วย ได้แก่ ผู้ประกอบการด้านแบตเตอรี่ อะไหล่รถยนต์ กิจการขนส่งสินค้า และโรงสี ภาครัฐ ได้แก่ Exim Bank ปูนซีเมนต์นครหลวงและบริษัทปูนซีเมนต์ไทย--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--