กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--สนพ.
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ณ จ.นครศรีธรรมราชว่า ที่ประชุมครม. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการเส้นทางยุทธศาสตร์พลังงาน หรือ Strategic Energy Landbride โดยมอบให้กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเดินหน้าการดำเนินโครงการฯ เพื่อมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาค
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้เสนอความก้าวหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ การสร้างท่อน้ำมันขนาด 1.5 ล้านบาเรลต่อวัน ระยะทาง 250 กิโลเมตร เพื่อป้อนตลาดภายในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้ง ประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยจุดรับน้ำมันฝั่งตะวันตกจะอยู่ที่ อ.ท้ายเมือง จ.พังงา และจุดปลายท่อน้ำมันฝั่งตะวันออกจะอยู่ที่บ้านทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ทั้งนี้ จะต้องคำนึงถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมและประโยชน์สูงสุดของประชาชน โดยจะเตรียมดำเนินการภายใน 2 ปี และก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 2553
นอกจากตัวท่อน้ำมันแล้ว ครม. ยังมีความเห็นว่า โครงการแลนด์บริดจ์ จะมีความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น
หากมีโรงกลั่นน้ำมันตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการด้วย โดยโรงกลั่นจะตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตกจะมีเฉพาะทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล และคลังเก็บน้ำมัน โดยลักษณะของท่อน้ำมันจะฝังลงใต้ดินทั้งบนบกและในทะเล เพื่อไม่กระทบต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและทัศนียภาพการ ท่องเที่ยว
สำหรับความก้าวหน้าการเจรจาหาผู้ร่วมทุนจากต่างประเทศนั้น ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้เดินหน้าเจรจาทั้งด้านประเทศผู้ใช้น้ำมัน ได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ได้แก่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน และคูเวต ซึ่งแต่ละประเทศสนใจที่จะร่วมลงทุน และใช้ประโยชน์จากโครงการแลนด์บริดจ์
“โครงการแลนด์บริดจ์ นอกจากจะเป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน โดยเป็นทางเลือกในการลำเลียงน้ำมันของภูมิภาค
เสริมจากการขนส่งทางเรือที่ผ่านช่องแคบมะละกา ที่มีความเสี่ยงเรื่องความหนาแน่นการจราจรทางเรือ และปัญหาโจรสลัดแล้ว ยังเป็นการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศ และถือเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดภาคใต้อีกโครงการหนึ่งด้วย”นายแพทย์พรหมินทร์กล่าว--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--