กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--ซิง รีพับลิค (กรุงเทพ)
"แว่นกรุงไทย" รุกทำตลาดพลิกโฉมใหม่ เน้นความทันสมัยปรับรูปแบบร้าน เพิ่มความหลากหลายของสินค้า ให้บริการเยี่ยมประทับใจผู้บริโภคแน่นอน มั่นใจสิ้นปียอดตามเป้าแน่ 20%
คุณสุพจน์ วณิชไพสิฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีพลัส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้กล่าวในงานแถลงข่าวภาพลักษณ์ใหม่แว่นกรุงไทยว่าได้ทำการปรับภาพลักษณ์ใน 2 ส่วน คือ 1.ในเรื่องของภาพลักษณ์ได้ทำการปรับโฉมสาขาให้มีความทันสมัยมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้าน โทนสี และเน้นในเรื่องของการให้บริการที่เป็นเลิศ คือให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก และพนักงานจะคอยให้คำปรึกษาอย่างผู้เชี่ยวชาญมากกว่าการเป็นพนักงานขายของทั่วไป เพราะบริการถือเป็นจุดแข็งของแว่นกรุงไทย ซึ่งเป็นข้อที่ได้รับการยอมรับจากการสำรวจความคิดเห็นลูกค้าของแว่นกรุงไทยจำนวน 1,000 ราย ส่วนที่ 2 คือในเรื่องของสินค้า ได้เพิ่มความหลากหลายของสินค้า โดยนำแว่นตาที่เป็นอินเตอร์แบรนด์ อาทิ ลองจินส์ Longines, เอสปรี (Esprit), แอล (Elle), กุชชี่ (Gucci), ล๊อตโต (Lotto), เซเบ้ (Cebe), เวอซาเช่ (Versace), Emporio Armani, Versus, ฯลฯ เข้ามาจำหน่ายในร้านนอกจากนี้ยังมีในส่วนที่เป็น Exclusive Brand หรือมีจำหน่ายเฉพาะที่แว่นกรุงไทยเท่านั้น อาทิ จี-ช็อก (G-Shock) เรฟลอน (Revlon) ครีเอตอร์ Creator ฯลฯ เพื่อครอบคลุมต่อความต้องการของผู้บริโภค ขณะนี้ได้เริ่มทำการปรับโฉมสาขาต่างๆ ไปบ้างแล้วประมาณ 25 ร้านจากจำนวนทั้งสิ้น 120 สาขา
สำหรับการปรับโฉมในครั้งนี้นอกจากเพื่อความทันสมัยแล้วยังต้องการดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้าร้านเพิ่มมากขึ้น และที่ผ่านมาการเติบดตของตลาดถือว่ามีการเติบโตดี แม้การแข่งขันจะสูงในเรื่องราคาก็ตามแต่ตลาดยังมีพื้นที่วางอีกมากเนื่องจากคนไทยที่มีปัญหาเรื่องสายตามีจำนวนประมาณ 25% ของประชากรทั้งหมด 65 ล้านคนในขณะที่มีร้านแว่นตาประมาณ 1,500-1,700 ร้าน อัตราเฉลี่ยโดยประมาณคือจำนวนผู้มีปัญหาทางสายตา 35,000 คน/1 ร้าน เมื่อเทียบสัดส่วนกับประเทศไต้หวันมีจำนวนประชากร 22 ล้าน มีร้านแว่นตา 6,500 ร้านค้า คิดเป็นจำนวนคน 3,000 คน/1 ร้าน เห็นได้ว่าจำนวนร้านแว่นยังไม่ครอบคลุมต่อความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ทำให้บริษัทฯ มีนโยบายในการขยายสาขาทุกปีในอัตราเฉลี่ยปีละประมาณ 24-36 สาขา และใช้งบประมาณในการเปิดสาขาประมาณ 2-4 ล้านต่อสาขา โดยจะดูที่ทำเลเป็นหลัก
ส่วนเป้าหมายทางการตลาดที่วางในปีนี้คือ 20% ซึ่งมั่นใจว่าสามารถบรรลุเป้าตามที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน สำหรับครึ่งปีหลังนี้ทางบริษัทฯ จะเน้นกลยุทธ์ในเรื่องของ 1.การบริการเป็นเลิศ เนื่องจากได้มีการแบบสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างซึ่งปัจจัยอันดับหนึ่งในการตัดสินใจคือเรื่องของการบริการ 2.เน้นคุณภาพของสินค้าและความทันสมัยเป็นหลักซึ่งทางบริษัทฯ จะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาคัดสรรและตรวจสอบสินค้าอย่างเข้มงวด โดยทั้งหมดจะทำการสื่อสารผ่านแคมเปญโฆษณาและประชาสัมพันธ์อย่างเป็นขั้นตอน ทั้ง Above the line และ Below the line ในงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท
คุณสุพจน์กล่าวเพิ่มเติมถึงการคัดสรรบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อรับรองการขยายตัวของสาขาว่าจะทำการเปิดโรงเรียนวิชาการสายตา ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่จะมีสถาบันสอนเป็นของตัวเอง โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนขอการรออนุมัติจัดตั้งจากกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำร่างหลักสูตรจาก Optometry จากประเทศอเมริกามาปรับใช้ มีการสอนในเรื่องของการวัดสายตา การเจียระไนเลนส์ การบริการ การจัดการ การเข้ากรอบเลนส์ และการเลือกแว่นตาให้เข้ากับบุคลิกภาพของผู้สวมใส่ ซึ่งจะสามารถเปิดสอนได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2547 นี้เป็นต้นไป
ตลาดแว่นตาในปัจจุบันมีมูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยแว่นกรุงไทยมีสัดส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 15% ในขณะที่ท๊อปเจริญมีและบิวตี้ฟูลมีสัดส่วน 30% หอแว่นมีสัดส่วนที่ 10% และอื่นๆ ซึ่งเป็นแว่นรีเทลทั่วไปอีก ที่ 45%
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ จารุวัลย์ นวาวัตน์ 01-827-3493/02-511-5239-42
บริษัท ซิง รีพับลิค (กรุงเทพ) จำกัด--จบ--
--อินโฟเควสท์ (กภ)--