กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--ธสน.
นายสถาพร ชินะจิตร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เปิดเผยผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนของปี 2547 ว่า ธสน. มีกำไรสุทธิ 202 ล้านบาท ลดลง 42 ล้านบาท จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 18 ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลงสอดคล้องกับภาวะตลาดเงินภายในประเทศ และ ธสน. มีรายได้จากหนี้ตัดจำหน่ายได้รับคืนลดลง 89 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 ซึ่งเป็นปีที่ ธสน. เรียกเก็บคืนหนี้ที่ตัดจำหน่ายไปแล้วได้สูงสุด อย่างไรก็ตาม ธสน. สำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญในรอบครึ่งแรกของปี 2547 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 94 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการรายไตรมาส ธสน. มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2 จำนวน 61 ล้านบาท เทียบกับ 163 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ของปีที่แล้วลดลงเนื่องจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง
สำหรับสินทรัพย์รวม ณ สิ้นมิถุนายน 2547 มีจำนวน 51,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 47,930 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 ยอดเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ ณ สิ้นมิถุนายน 2547 มีจำนวน 44,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 43,129 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 ในด้านปริมาณการรับซื้อและเรียกเก็บเงินตามตั๋วส่งออก และการรับแจ้งประกันการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกปี 2547 มีมูลค่า 50,471 ล้านบาท และ 13,737 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.3 และ 4.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546
ณ สิ้นมิถุนายน 2547 ธสน. มียอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เท่ากับ 4,476 ล้านบาทหรือร้อยละ 10.1 ของยอดเงินให้สินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 ซึ่งเท่ากับร้อยละ 9.5 สำหรับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ณ สิ้นมิถุนายน 2547 เท่ากับร้อยละ 19.5
กรรมการผู้จัดการ ธสน. กล่าวเพิ่มเติมว่าในไตรมาส 2 ของปี 2547 ธสน. ได้ดำเนินการด้านการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ดังนี้
1. ธสน. อนุมัติวงเงินกู้ระยะยาว จำนวน 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลพม่าเพื่อใช้ซื้อสินค้าทุน อาทิ เครื่องจักร อุปกรณ์ วัสดุก่อสร้าง รวมไปถึงการจ้างบริการจากบริษัทของไทย
2. เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ส่งออกไทยที่ต้องการขายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อในประเทศอิหร่านและรัสเซีย ธสน. ได้ลงนามในความตกลงว่าด้วยระบบการชำระเงินแบบทวิภาคีหรือ Account Trade กับประเทศอิหร่านในวงเงิน 10 ล้านยูโร และสำหรับประเทศรัสเซีย ธสน. ได้ให้วงเงินสินเชื่อระยะสั้นแบบหมุนเวียนแก่ Vneshtorgbank จำนวน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ส่งออกไทยที่ได้รับการเปิด L/C Sight ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากผู้นำเข้าในรัสเซียผ่านธนาคารดังกล่าวสามารถเบิกเงินตาม L/C จาก ธสน. ได้ทันที นอกจากนี้ ธสน. ยังเปิดบริการเปิดรับซื้อและยืนยัน L/C แก่ผู้ส่งออกที่ได้รับ L/C จากธนาคารของรัสเซีย 9 แห่ง สำหรับการค้าขายที่มีมูลค่าต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2547 ธสน. ได้เปิดให้บริการ “สินเชื่อส่งออกเพิ่มค่า (Packing Credit Plus)” ซึ่งเป็นการรวมบริการสินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออกและบริการประกันการส่งออกเข้าด้วยกัน เพื่อให้บริการผู้ส่งออกขนาดเล็กและขนาดกลางที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนสำหรับเตรียมสินค้าก่อนการส่งออกและบริการต่อเนื่องไปจนถึงการรับซื้อตั๋วส่งออกหลังการส่งออกที่ได้รับประกันโดย ธสน. ซึ่งเป็นการลดต้นทุนทางการเงินของผู้ส่งออกเนื่องจากได้รับความเสี่ยงจากการที่ผู้ซื้อไม่ชำระเงินค่าสินค้าโดยผู้ส่งออกไม่ต้องเสียค่าเบี้ยประกันต่างหากอีก
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร
โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1142-1145--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--
- ๐๐:๕๐ EXIM BANK โชว์ศักยภาพ SFI แห่งแรกได้รับมาตรฐานสากล ISO 14064-1:2018 เดินหน้าบทบาท Green Development Bank สู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
- ๒๔ ธ.ค. EXIM BANK ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจและส่งออกไทยปี 68 แตะระดับ 3% เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน ยกระดับธุรกิจไทยแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างยั่งยืน
- ๒๔ ธ.ค. EXIM BANK คว้ารางวัล Bank of The Year 2024 สุดยอดธนาคารแห่งปี 2567