ชมรมโรคอ้วนและแอ๊บบอต เตรียมวัดผลผู้เข้าประกวดลดน้ำหนักขจัดความเสี่ยง หากไม่ถึงเกณฑ์ “ลด 5% ใน สามเดือน” มีสิทธิ์ตกรอบ

พุธ ๑๑ สิงหาคม ๒๐๐๔ ๑๐:๔๑
กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค ประเทศไทย
ศ.นพ. อภิชาติ วิชญาณรัตน์ ประธานชมรมโรคอ้วนแห่งประเทศไทยกล่าวถึงความคืบหน้า การประกวดลดน้ำหนัก ขจัดความเสี่ยง ปีที่ 2 ว่า “ชมรมโรคอ้วนและแอ๊บบอตจะจัดให้มีการติดตามผลของผู้ประกวดทั้ง 52 ท่านในวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคมที่จะถึงนี้ โดยจะจัดที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 11 โรงพยาบาลราชวิถี เกณฑ์การตัดสินในครั้งที่สองจะมุ่งเน้นที่การลดน้ำหนักใน 3 เดือนแรก โดยผู้เข้าประกวดต้องลดน้ำหนักให้ได้อย่างน้อย 5% และสามารถควบคุมโรคต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ได้ดีขึ้น เช่น ระดับน้ำตาลหรือไขมันในเลือดลดลง และหากผลการตรวจวัดร่างกายของผู้เข้าประกวดท่านใดไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ระบุไว้นี้ ก็จะไม่ได้สิทธิ์ในการการประกวดต่อ ซึ่งเราจะจัดให้มี การวัดผลเป็นประจำเช่นนี้ทุกๆ 3 เดือน รวม 5 ครั้ง คาดว่าจะสิ้นสุดการประกวดในเดือนพฤษภาคมปีหน้า”
ด้านเภสัชกรหญิง อำพร เจริญสมศักดิ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด บริษัท แอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส จำกัด กล่าวว่า “จากการสอบถามและติดตามผลจากแพทย์ที่ส่งคนไข้เข้าประกวด พบว่าบางท่านได้จัดเวิร์คช็อปให้กับคนไข้ทุกสองอาทิตย์ โดยจะมีการตั้งโจทย์หรือให้การบ้าน ในทุกๆ ครั้ง เช่น ให้ไปค้นหารูปสมัยสิบปีที่แล้วและนำมาโชว์ให้กับเพื่อนๆ ในกลุ่มดู บางท่านดูเหมือนเป็นคนละคน ในกรณีนี้ถือเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับตัวเราเองทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงเพื่อนๆ ในกลุ่มเดียวกันเอง ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันและกำลังใจในการลดน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง โดยคุณหมอจะเป็นผู้แนะนำและชี้แนะให้เห็นถึงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ตลอดจนวิธีที่จะทำให้เขาเหล่านั้นกลับไปเหมือนเดิม หรือลดน้ำหนักลงให้เหมาะสมกับอายุและวัยของแต่ละท่าน”
“อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้เข้าประกวดส่วนใหญ่ยังคงเคร่งครัดในการลดและควบคุมน้ำหนักเป็นอย่างดี ส่วนวิธีลดน้ำหนักที่ใช้น้น จะเน้นในเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในส่วนของการควบคุมอาหารและเพิ่มการออกกำลังกาย บางท่านต้องรับประทานยาลดน้ำหนักควบคู่ไปด้วยภายใต้การดูแลของแพทย์ที่ปรึกษา เนื่องจากอยู่ในภาวะของโรคอ้วนที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลายประการ ดังจะเห็นได้จากผู้เข้าร่วมประกวดในครั้งนี้ ที่มีผู้ที่มีโคเลสเตอรอลและน้ำตาลในกระแสเลือดสูงถึง 70% และ เกือบ 20% ตามลำดับ ซึ่งจากสถิติทางคลินิคพบว่าการลดน้ำหนักจะช่วยลดไขมันและน้ำตาลในกระแสเลือดได้ ตลอดจนการลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคต่างๆ หลายชนิด เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง เป็นต้น การป่วยเป็นโรคอ้วนที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเฉียบพลัน ทั้งนี้ แอ๊บบอตคาดว่าผู้เข้าประกวดกว่า 90% จะผ่านการวัดผลในรอบที่สองนี้ หากประชาชนท่านใดอยากทราบถึงวิธีการดูแลรักษาสุขภาพ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ที่ โทร. 02 655-0405” ภ.ญ.อำพร กล่าวสรุป
สื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
คุณทิพวรรณ วอทอง / คุณเจนสิรี อีศพรรค์ -
ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์, เวเบอร์ แชนด์วิค ประเทศไทย
โทร. 02 257-0300 ต่อ 333-334,
อีเมลล์: [email protected]จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ