กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--สนพ.
ก.พลังงาน รับไทยเข้าสู่ภาวะวิกฤตราคาน้ำมัน วอนประชาชนทั้งประเทศถึงเวลาเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงาน พร้อมคลอดแผนประหยัดน้ำมัน 3 ระยะ หารือสื่อและภาคเอกชน ร่วมสร้างบรรยากาศประหยัดน้ำมัน
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงพลังงาน ต้องการแจ้งให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับทราบว่า ประเทศไทย กำลังเผชิญหน้าสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีราคาแพง ซึ่งเป็นผลกระทบจากราคาน้ำมันโลก ที่ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และประเทศไทยในฐานะประเทศที่นำเข้าน้ำมันทั้งหมด จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากผลกระทบนี้ได้ โดยเฉพาะประชาชนผู้ใช้รถยนต์ ที่จะเป็นผู้ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดทั้งนี้
กระทรวงพลังงานจึงได้กำหนดมาตรการประหยัดพลังงานที่จะเพิ่มความเข้มงวดมากยิ่ง โดยเฉพาะต้องการกระตุ้นให้ประชาชนประหยัดการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น รวมทั้งการประหยัดพลังงานอื่น ๆ โดยได้แบ่งแผนการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะสั้น ประชาชนทั่วไปสามารถดำเนินการ ตามมาตรการของกระทรวงได้ทันที เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถยนต์เพียงเล็กน้อย โดยกระทรวงพลังงานได้ออก 10 บัญญัติประหยัดน้ำมัน ได้แก่ ขับรถ ไม่เกิน 90 กม.ต่อชม. โดยสารรถสาธารณะ ทางเดียวกันไปด้วยกัน หลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วน ใช้โทรศัพท์ โทรสารเลี่ยงรถติด วางแผนก่อนเดินทาง ลมยางต้องพอดี ไส้กรองต้องสะอาดไม่บรรทุกของเกิน ตรวจเช็คเครื่องยนต์เป็นประจำ ซึ่งทั้ง 10 บัญญัติดังกล่าว จะช่วยให้ประชาชนสามารถประหยัดการใช้น้ำมันได้ทันทีนอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน จะได้ร่วมหารือกับภาคเอกชน ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านค้าที่บริการสินค้า ในพื้นที่ใจกลางเมืองที่มีจราจรคับคั่ง เพื่อกำหนดเวลาปิดบริการหลังเวลา 4 ทุ่ม เพื่อลดการเดินทางของประชาชนลง ซึ่งจะได้มีการขอความร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป รวมทั้งแนวทางการส่งเสริมให้ประชาชนร่วมกันเดินทางในลักษณะทางเดียวกันไปด้วยกัน (Car Pool) ตั้งแต่ 3-4 คนขึ้น
โดยจะเปิดช่องเดินรถพิเศษเพื่อให้เกิดความสะดวกขึ้นในบางเส้นทาง
ระยะกลาง ซึ่งเป็นระยะ 3-6 เดือน กระทรวงพลังงานจะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ เช่น สำนักงานขนส่งและแผนจราจร (สนข.) รถไฟฟ้ามหานคร ในการขยายจุดจอดรถยนต์ส่วนตัวเพิ่มเติม เพื่อโดยสารรถสาธารณะ รถไฟฟ้าทั้งลอยฟ้า และใต้ดิน โดยรัฐพร้อมจะเช่าที่ดินหรืออาคารจากเอกชน เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนลดการเดินรถยนต์ส่วนตัว และหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนแทน
ซึ่งหากประชาชนที่นำรถมาจอดในบริเวณจอดรถของกระทรวงพลังงาน แล้ว ต่อบริการของขนส่งมวลชน จะได้รับส่วนลดพิเศษ เพื่อเป็นการสมนาคุณ
การเปิดศูนย์ลดการเดินรถบรรทุกเที่ยวเดียว ซึ่งจะได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาหาแนวทางการลดการบรรทุกเปล่า ของรถบรรทุก เนื่องจากสถิติรถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 689,512 คัน มีการเดินรถทั้งสิ้น 71 ล้านเที่ยวต่อปี และมีการเดินรถเที่ยวเปล่าถึง 33 ล้านเที่ยวต่อปี โดยหากศูนย์ดังกล่าวจัดตั้งขึ้น จะช่วยลดการเดินรถเที่ยวเปล่าได้ถึง 40 % และลดการใช้น้ำมันลดได้ 1596 ล้านลิตร หรือ 22,536 ล้านบาท
การเปิดศูนย์สายด่วนหารสอง เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในการร่วมรณรงค์ประหยัดพลังงานกับรัฐบาล โดยจะเปิดโอกาสให้ประชาชนส่งความคิดเห็นในเรื่องการประหยัดพลังงาน โดยโทรติดต่อได้ที่หมายเลข 02-612-1555 ต่อ202-205 หรือสามารถส่งเข้าได้ในเว็บไซด์ของ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (www.eppo.go.th)และในระยะยาว กระทรวงพลังงาน ได้เร่งหาเชื้อเพลิงมาทดแทนการใช้น้ำมัน
โดยการเพิ่มเชื้อเพลิงทางเลือกได้แก่ จากก๊าซธรรมชาติ โดยจะเริ่มใช้ในหัวรถจักรของรถไฟ และเพิ่มการใช้ในรถบรรทุก ซึ่งปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้เร่งการสนับสนุนการนำก๊าซธรรมชาติมาใช้ในรถยนต์ หรือเอ็นจีวี โดยได้ใช้ในรถแท็กซี่ รถขนส่งมวลชนสาธารณะ และรถของกรุงเทพมหานคร เป็นต้น จากเชื้อเพลิงที่ได้จากพืช ได้แก่ น้ำมันก๊าซโซฮอล์ ซึ่งขณะนี้ จำนวนสถานีบริการทั้งจาก ปตท. และบางจาก ได้มีสถานีบริการเพิ่มขึ้น รวมทั้งกำลังผลิตเอทานอลจากพืชที่เป็นส่วนผสมหลัก ก็เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้ โดยมั่นใจว่าประชาชนจะสามารถใช้ได้อย่างทั่วถึง
อนึ่ง ราคาน้ำมันเบนซินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาจากสถานการณ์ราคา น้ำมันตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น และในวันนี้ (13 ส.ค.) กองทุนน้ำมันฯ ยังมีภาระชดเชยราคาน้ำมันวันละ 239.55 ล้านบาท และรวมภาระชดเชยทั้งหมดอยู่ที่ 23,957 ล้านบาท (ตั้งแต่ 10 ม.ค. รวมทั้งสิ้น 7 เดือน) โดยราคาน้ำมันขายปลีกที่จำหน่ายปัจจุบัน รัฐบาลยังคงชดเชย ราคาเบนซินประมาณ 0.74 บาทต่อลิตร และดีเซลประมาณ 4.45 บาทต่อลิตร--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--