การจัดสรรเงินออมอย่างไรให้เหมาะกับตนเอง

ศุกร์ ๑๗ กันยายน ๒๐๐๔ ๑๑:๑๗
กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--กบข.
เมื่อวันก่อนได้ฟังการบรรยายซึ่งจัดโดยสถาบันการเงินต่างประเทศ เกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกนโยบายการลงทุนของตนเองได้ กล่าวโดยย่อ ๆ ว่า กองทุนต่าง ๆ มีหน้าที่หนึ่งที่สำคัญคือ หน้าที่ในการสื่อสารและทำความเข้าใจกับเจ้าของเงินว่า เงินลงทุนที่เก็บออมไว้เป็นเงินลงทุนในระยะยาว long Term Investment ซึ่งถ้าพูดให้เข้าใจอย่างง่าย ๆ ก็คือวันนี้ทำงานมีเงินเดือน แบ่งเงินส่วนหนึ่งไปออมและลงทุนเพื่อให้มีเงินไว้ใช้เลี้ยงดูตนเองในยามเกษียณ ถ้าตอนนี้เราอายุ 30 ปี ก็เท่ากับว่าเงินที่จะเก็บออมและบริหารให้งอกเงยนั้นเป็นเงิน ลงทุนในระยะยาวอีก 30 ปีถึงจะใช้เงินนั้นได้ โดยระหว่างทางเราต้องทำความเข้าใจกับนโยบายการลงทุนของกองทุนของเรา และเมื่อถึงวันหนึ่งที่เราเข้าใจหลักการของการลงทุนแล้วเราก็อาจก้าวต่อไปเป็นการ “การเลือกนโยบายการลงทุนด้วยตนเอง” หรือ Investment Choices เพื่อนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจนโยบายการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเองได้มากขึ้น
ปัจจัยอย่างแรกที่วันนี้จะกล่าวถึง ก่อนจะตัดสินใจว่าจะไปลงทุนในตราสารประเภทใดบ้าง ก็คือ " การรู้จักจัดสรรเงินออม " เพื่อให้การตัดสินใจลงทุนเป็นไปตามที่วางแผนไว้
ประการแรก สำรวจความต้องการใช้เงินของตนเอง หรือการวางแผนการใช้จ่ายส่วนบุคคล ทั้งระยะยาว และระยะสั้น เพื่อให้ทราบว่าเงินออมส่วนใดกั้นเป็นเงินค่าใช้จ่ายในอนาคต และเงินออมส่วนใดเป็นเงินสำหรับการลงทุน
ประการที่สอง สำรวจตนเองว่ายอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน เพราะ ถึงแม้จะมีอายุในช่วงเริ่มต้นทำงาน หรือช่วงสร้างฐานะครอบครัว สามารถจัดสรรเงินลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงสูงได้มาก แต่เมื่อนำเงินไปลงทุนแล้ว เกิดความไม่สบายใจ ความเครียด และยอมรับความเสี่ยงต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับเงินลงทุนไม่ได้ อาทิ การสูญเสียเงินต้นที่ลงทุนทั้งจำนวนหรือบางส่วน บุคคลผู้นั้นก็ควรพิจารณาการยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่ง
ประการที่สาม วางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับระยะเวลาการใช้เงิน เพื่อให้ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับเป็นไปตามที่ต้องการ อาทิ หากท่านมีอายุ 56 ปี และมีเงินออมอยู่ก้อนหนึ่ง ท่านก็ควรบริหารเงินออมก้อนนี้ในการลงทุนระยะสั้น เช่น การซื้อตราสารหนี้ระยะสั้น เนื่องจากท่านมีระยะเวลาการลงทุนอีกเพียง 4 ปี ก่อนที่จะเกษียณอายุการทำงาน ( 60 ปี ) เท่านั้น
ประการที่สี่ วางแผนการเงินยามเกษียณ สมาชิกจำเป็นต้องคำนึงถึงสถานการณ์ด้านการเงินทั้งหมดในช่วงเกษียณว่า มีเป้าหมายอย่างไร เงินสำรองยามเจ็บไข้ ภาระหนี้สินต่างๆ เป็นต้น เพื่อให้ท่านวางแผนการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมและเพียงพอ สำหรับยามเกษียณ
ถึงตอนนี้ ก็ลองสำรวจและวางแผนการเงินส่วนบุคคล เพื่อจะได้มั่นใจว่าเงินออมที่มีอยู่ จะนำไปลงทุนในลักษณะใดจึงจะเหมาะสมกับตัวท่านเองมากที่สุด
สำคัญที่สุดคือ " อายุสูงขึ้น ความเสี่ยงที่จะนำเงินไปลงทุนต้องลดลงเสมอ "
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันจันทร์ที่ 13 กันยายน 2547
คอลัมน์ Financial Planing โดย คุณอมฤดา สุวรรณจินดา.--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๐๑ วช. ขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงพื้นที่ 'ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5' มุ่งลดฝุ่นพิษภาคเหนืออย่างยั่งยืน
๑๘:๐๘ TKS จัดประชุมผู้ถือหุ้นปี 2568 ไฟเขียวจ่ายปันผลอีก 0.33 บ./หุ้น
๑๘:๔๙ STECH จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 แจกปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.034 บาท
๑๘:๒๒ SGP จัดประชุมผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติเคาะปันผลครึ่งปีหลัง 0.20 บาท/หุ้น
๑๘:๐๖ ผู้ถือหุ้น FLOYD พร้อมใจเห็นชอบ ไฟเขียวทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.08 บาท/หุ้น
๑๘:๑๑ TEKA จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 พร้อมไฟเขียวจ่ายปันผล 0.155 บาท
๑๘:๒๓ BRR จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นเคาะจ่ายปันผล 0.50 บาท/หุ้น
๑๘:๓๘ กลุ่มเหล็กรุ่นใหม่ เข้าพบ 'เอกนัฏ' ประสานเสียงให้กำลังใจ ดันยกเลิกเหล็ก IF กันเหล็กนำเข้าไร้มาตรฐาน
๑๘:๑๘ ดั๊บเบิ้ล เอ จับมือ เอเชีย เอรา วัน และกรมป่าไม้ จัดกิจกรรมรักษ์โลก สร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
๑๗:๒๘ LPH ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห. ไฟเขียวจ่ายปันผลอีก 0.10 บ./หุ้น