พรหมินทร์ ชี้ไทยแปรวิกฤติราคาน้ำมันเป็นโอกาสของประเทศ

อังคาร ๒๑ กันยายน ๒๐๐๔ ๑๕:๑๙
กรุงเทพฯ--21 ก.ย.--สนพ.
พรหมินทร์ ชี้ไทยแปรวิกฤติราคาน้ำมันเป็นโอกาสของประเทศ เปลี่ยนจากการรับมือราคาน้ำมัน เป็นการรุกหาแหล่งพลังงาน ทั้งพลังงานทดแทน การร่วมเป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติในต่างประเทศ
เดินนโยบายเพิ่มความมั่นคงพลังงาน ดันไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานของภูมิภาค การเพิ่มมูลค่าให้ทรัพยากรพลังงาน รวมทั้งการส่งเสริมการแข่งขันของภาคเอกชน
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวปาฐกถาเรื่อง เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในวิกฤติราคาน้ำมันแพง” ในการประชุมนักลงทุนสถาบันและนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ระดับนานาชาติงาน “Thailand Focus 2004” วันที่ 21 กันยายน 2547 ณ โรงแรม โฟร์ซีซั่น โดยได้เน้นย้ำความต่อเนื่องของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ 4 ปีที่ผ่านมา และต่อจากนี้ไปเศรษฐกิจไทยจะเข้มแข็งและยกระดับความสามารถในการแข่งขันโดยมีนโยบายพลังงานเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ ซึ่งได้แก่
การบริหารจัดการความต้องการพลังงานของประเทศเชิงรุก เพื่อให้สอดรับกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยประมาณ 6-7% โดยภาครัฐได้บรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงในระยะสั้นจากการตรึงราคาน้ำมัน เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถปรับตัวอย่างราบรื่นและอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว นอกจากนั้นยังได้แปรวิกฤติให้เป็นโอกาสของประเทศไทยโดยการเปลี่ยนจากด้านรับเป็นด้านรุก กล่าวคือ ประเทศไทยได้มีการเร่งจัดหาพลังงาน ทั้ง การส่งเสริมพลังงานทดแทนโดยเฉพาะ Biofuels อย่างเป็นรูปธรรม การไปร่วมลงทุนเป็นเจ้าของแหล่งพลังงาน ทั้งสัมปทานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในต่างประเทศโดยขณะนี้ได้สัมปทานจากพม่า 4 แปลงพื้นที่ 45,000 ตารางกิโลเมตรและร่วมพัฒนาบางพื้นที่กับมาเลเซีย รวมถึงร่วมมือขุดเจาะน้ำมันและก๊าซกับตะวันออกกลาง เช่นโอมาน และอิหร่าน
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างเจรจากับรัสเซียและคาซัคสถานการสร้างมูลค่าเพิ่มของทรัพยากรพลังงาน โดยเพิ่มคุณค่าให้ก๊าซธรรมชาติในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยประเทศไทย 90 % ของก๊าซธรรมชาตินำไปใช้ผลิตไฟฟ้า ส่วนอีก 10 % จะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่ามหาศาล ประเทศไทยมีปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองอยู่ 30 ปีคิดเป็นมูลค่า 10 ล้านล้านบาท ( 250 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งร้อยละ 10 สามารถนำไปผลิตปิโตรเคมี และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ก๊าซธรรมชาติได้ 6 ล้านล้านบาท ( 250 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
นอกจากนี้ปิโตรเคมีของประเทศราคายังได้เปรียบสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ เนื่องจากประเทศไทยปิโตรเคมีได้มาจากผลิตภัณฑ์จากก๊าซธรรมชาติ (Ethane Base) ส่วนต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เป็นต้น ผลิตจากน้ำมัน (Naphtha Base) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นจาก 25 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล์ เป็น 35เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลประเทศไทยจะได้เปรียบถึง 30% เมื่อเทียบกับประเทศที่ผลิตปิโตรเคมีจากน้ำมัน เนื่องจากราคาของกาซธรรมชาติจะถูกกวว่าแม้จะมีการปรับขึ้นแต่จะมีอัตราที่ต่ำกว่าน้ำมัน
นายแพทย์พรหมินทร์กล่าวต่อไปว่า ปิโตรเคมีไทยได้พัฒนามากว่า 20 ปีซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วง ช่วงแรก (ปี 1980-90) มุ่งพัฒนาทดแทนการนำเข้า ช่วงที่2 (1991-2003) เปิดเสรีอุตสาหกรรมและยังทดแทนการนำเข้า และในปัจจุบันนับเป็น ช่วงที่3 เข้าสู่ช่วงพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ให้หลากหลายสอดคล้องกับการพัฒนาอุสาหกรรมของประเทศที่มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเสื้อผ้า รถยนต์ อิเล็กโทรนิค และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น
และส่งออกเพื่อรับเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศ สำหรับการพัฒนาในช่วงที่ 3 นี้เอกชนจะเป็นหลักในการลงทุน ซึ่งประมาณการในเบื้องต้นต้องการเงินลงทุนประมาณ 400 พันล้านบาทการทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานด้วยโครงการ Land Bridge โครงการนี้เป็นการใช้จุดแข็งทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยให้เป็ยประโยชน์ โดยต้องการการลงทุนในท่อน้ำมัน 230 กิโลเมตร ถังเก็บน้ำมัน 2 ฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย
ทั้งนี้เพื่อเป็นท่อเป็นทางเลือกในการขนส่งน้ำมันที่ต้องผ่านอ่าวมะละกาที่นับวันจะหนาแน่นและเสี่ยงภัยจากอุบัติเหตุและเพื่อความมั่นคงของประเทศ มูลค่าการลงทุนประมาณ 900 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับประเทศจีนและเกาหลีใต้การส่งเสริมการแข่งขันเชื่อมั่นกลไกตลาดและภาคเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รัฐบาลจะดำเนินนโยบายในเชิงรุกและผลักดันภาคเอกชนให้สามารถพัฒนาสาขาพลังงานให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง
รัฐบาลจะสนับสนุนและเป็นผู้นำในการหาพันธมิตรต่างประเทศเพื่อให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานและส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขัน
ทั้งนี้ ภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง จะเป็นผู้รับภาระความเสี่ยงและการลงทุน อย่างไรก็ตาม มีหลายเหตุผลที่รัฐบาลต้องดูแลพลังงานอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน
และการเพิ่มประสิทธิภาพของเศรษฐกิจต้องการกฎระเบียบที่ออกโดยภาครัฐ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ยังมีบทบาทที่สำคัญในภาคอุตสาหกรรม
ทั้งนี้การเพิ่มบทบาทภาคเอกชนและพัฒนารัฐวิสาหกิจสาขาที่สำคัญยังเป็นโยบายสำคัญของรัฐบาล
อย่างไรก็ตามนโยบายรัฐจะต้องสอดรับกับสิทธิผู้ถือหุ้นและผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อย
นายแพทย์พรหมินทร์กล่าวต่อไปว่า ความต้องการเงินจากภาคเอกชนยังมีความสำคัญ เนื่องจากประเทศมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเพื่อขับดันเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโต จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 26,000 เมกะวัตต์ โดยในอนาคต 10ปี ประเทศต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น 15,000 เมกะวัตต์ หรือ 1,500 เมกะวัตต์ต่อปี ซึ่งต้องการเงินลงทุน 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือ60,000 ล้านบาท/ปี โดย 4 ที่ผ่านมารัฐได้ระดมเงินจากภาคเอกชนเพื่อการลงทุนในสาขาพลังงานจำนวน 5 แสนล้านบาท หรือ 12% ของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์
ขณะนี้โรงกลั่นน้ำมันบางแห่งอยู่ในขบวนการที่จะระดมเงินในตลาดหลักทรัพย์และยังมีอีกหลายแห่งที่จะตามมา--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version