กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--AD2Y Communication Services
อีพีเอส ไอที พลัส สบช่องกระแสดิจิตอลบูม รุกธุรกิจตอบรับกระแสไอทีที่กำลังมาแรง ด้วยการนำแฟลช เมโมรี แบรนด์ดังระดับโลก “SanDisk” บุกตลาดประเทศไทย เผยทำตลาดโตแบบก้าวกระโดดในธุรกิจนี้ หลังประสบความสำเร็จกับการทำตลาด RAM หรือหน่วยความจำแบบชั่วคราวในยุคแรก ตอบรับกระแสผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ดิจิตอลและสื่อบันทึกดิจิตอล มั่นใจในกลยุทธ์การทำตลาดแฟลช เมโมรี พร้อมเชื่อมั่นคุณภาพสินค้า “SanDisk” ครบทุกความต้องการของการใช้งานในอุปกรณ์ดิจิตอล เน้นบริการหลังการขายสร้างความเชื่อมั่นครองใจ ผู้บริโภคในระยะยาว
นายธวัชชัย เอกพงศ์พิสิฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีพีเอส ไอที พลัส จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทเป็นตัวแทนการจำหน่ายสื่อบันทึกดิจิตอล หรือ แฟลช เมโมรี (Flash Memory) ของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก SanDisk ในประเทศไทย ด้วยการเปิดบริษัท อีพีเอส ไอที พลัส จำกัด ทำตลาดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นของการสร้างตลาดแฟลช เมโมรีในประเทศไทย และเป็นผู้เริ่มต้นบุกเบิกผลิตภัณฑ์ชนิดนี้สู่ประเทศไทย จากวิสัยทัศน์และประสบการณ์ของการทำธุรกิจผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเทปบันทึกภาพและเสียง สำหรับธุรกิจบันทึกเสียงและธุรกิจตัดต่อภาพในประเทศไทย ทำให้มองเห็นโอกาสของการทำตลาดไอทีในยุคที่กระแสอุปกรณ์ดิจิตอลและสื่อบันทึกดิจิตอล หรือ แฟลช เมโมรี (Flash Memory) กำลังเริ่มต้นเติบโต ด้วยการเป็นตัวแทนการนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ SanDisk ในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์แฟลช เมโมรี (Flash Memory) ระดับโลก โดยบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจให้ทำตลาดในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว โดยทาง SanDisk ได้ร่วมสนับสนุนกลยุทธ์และข้อมูลทิศทางการทำธุรกิจระดับโลกนำมาส่งเสริมการทำตลาดในประเทศไทย จนประสบผลสำเร็จก้าวสู่ผู้นำผลิตภัณฑ์แฟลช เมโมรี และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในประเทศ
บริษัท อีพีเอส ไอที พลัส จำกัด ได้เริ่มต้นทำธุรกิจการนำเข้าและเป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์ 3 ประเภท 1. เมโมรี การ์ด หรือ แฟลช เมโมรี ของ SanDisk 2. RAM (Random Access Memory) ของ Vision Tek และ 3. อุปกรณ์เสริมต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ โดยได้เติบโตแบบก้าวกระโดดตั้งแต่เริ่มต้นทำธุรกิจในปี พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา โดยบริษัทมียอดขายในปีแรก 6 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากผลิตภัณฑ์ RAM ร้อยละ 80 ต่อมาปี พ.ศ. 2543 บริษัทฯ มียอดขาย 20 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจาก RAM ร้อยละ 70 สำหรับในปี พ.ศ. 2544 บริษัทฯ มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 23 ล้านบาท โดยยังเป็นยอดขายจาก RAM ร้อยละ 80 ต่อมาปี พ.ศ. 2545 ยอดขายของบริษัทได้เริ่มเติบโตขึ้นเป็น 60 ล้านบาท โดยเปลี่ยนเป็นยอดขายจากผลิตภัณฑ์แฟลช เมโมรี ถึงร้อยละ 80 และปี พ.ศ. 2546 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มียอดขายจากผลิตภัณฑ์แฟลช เมโมรี เพียงอย่างเดียวสูงถึง 160 ล้านบาท
นายธวัชชัย กล่าวต่อไปว่า “อีก 5 ปีข้างหน้าคาดว่าตลาดแฟลช เมโมรี หรือ เมโมรี การ์ด ในประเทศไทยจะมีมูลค่าสูงถึงหมื่นล้านบาท บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายตลาดอุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องส่งผลให้บริษัทฯ ประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ได้อย่างแน่นอน ซึ่งปีนี้จะเป็นปีที่มีมูลค่าการซื้อขายผลิตภัณฑ์ SanDisk สูงที่สุดตั้งแต่ทำธุรกิจผลิตภัณฑ์นี้เป็นมา สำหรับการส่งเสริมการตลาดต่อจากนี้ บริษัทฯ จะใช้กลยุทธ์ One Moment In Time โดยจะมีการจัดโรดโชว์ขึ้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา และภูเก็ต โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีบริการกู้ข้อมูลฟรีสำหรับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ SanDisk จากบริษัทฯ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยสามารถสอบถามได้ที่คอลเซ็นเตอร์ โทร. 02-2768380-2, 02-6943477-8”
“สำหรับเหตุผลหลักที่บริษัทฯ ได้เลือกผลิตภัณฑ์ SanDisk มาบุกเบิกทำตลาดในประเทศไทยเพราะว่า บริษัทฯ ได้เชื่อมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์ของ SanDisk ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตและคิดค้นผลิตภัณฑ์แฟลช เมโมรี ในทุกฟอร์แมท และยังเป็นผู้คิดค้นและพัฒนา CompactFlash ในปี พ.ศ. 2537 จนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก นอกจากนั้น SanDisk ยังเป็นผู้ร่วมคิดค้นและพัฒนาร่วมกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ชั้นนำรายอื่นๆ ของโลก โดยได้รับการยอมรับในเทคโนโลยีชั้นสูงที่นำหน้าคู่แข่งที่มีอยู่ตลาด พร้อมกันนี้ยังมีแผนการตลาดที่ดีในการสนับสนุนข้อมูลและกลยุทธ์ระดับโลกจากประเทศต่างๆ ที่ SanDisk ประสบความสำเร็จในการทำตลาดมาเพื่อส่งเสริมการทำตลาดในประเทศไทย” นายธวัชชัย กล่าว
ผลิตภัณฑ์ของ SanDisk ซึ่งเป็นสื่อบันทึกแบบดิจิตอลโดยมีชื่อเรียกหน่วยความจำชนิดนี้ว่า แฟลช เมโรรี (Flash Memory) หรือ เมโมรี การ์ด (Memory Card) เป็นที่นิยมแพร่หลายจากผู้บริโภคทั่วโลก โดยมีครบครันทุกฟอร์แมทที่ผู้บริโภคต้องการ เช่น CompactFlash (CF Type I และ Type II), SmartMedia, Memory Stick, Memory Stick Pro Duo, Memory Stick Pro, Multi Media Card, Security Digital Memory Card (SD Card), Mini SD Card และ Wi-Fi SD Card เป็นต้น
นายธวัชชัยกล่าวต่อไปว่า “โดยปัจจุบันจะเห็นได้ว่า แฟลช เมโมรี (Flash Memory) ได้เข้าไปมีบทบาทกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยจะเป็นสื่อบันทึกข้อมูลดิจิตอลส่วนตัวทุกอย่าง โดยเฉพาะภาพและเสียง ตอบรับกับอุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ ของผู้บริโภคที่กำลังมาแรงและเป็นที่
ยอมรับในการใช้งานเป็นอย่างสูง เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์พกพา หรือ พีดีเอ โทรศัพท์เคลื่อนที่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้องดิจิตอลที่ผู้บริโภคจะคุ้นเคยกันมากที่สุด โดยมีส่วนที่ทำให้ตลาดผลิตภัณฑ์ชนิดนี้เติบโตเร็วด้วยเช่นกัน โดยในปีนี้คาดว่าตลาดกล้องดิจิตอลจะมียอดขายสูงถึง 6 แสนเครื่อง นอกจากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นแล้วความสามารถในการจุขนาดไฟล์ภาพก็เป็นปัจจัยให้ผู้บริโภคมองหาเมโมรี การ์ด ที่มีความจุขนาดไฟล์ภาพได้มากขึ้นด้วย”
“นอกจากนี้ ปัจจุบันทิศทางของโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานในส่วนของการถ่ายภาพ วิดีโอ และไฟล์เสียงต่างๆ ในการใช้งานเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง หรือเสียงเรียกเข้ารูปแบบใหม่ๆ ในฟังก์ชั่นการใช้งานที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ตลาดแฟลช เมโมรี ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์ที่ติดมากับตัวเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ในรุ่นใหม่ๆ ที่กำลังมาแทนที่รุ่นเก่าในตลาด เติบโตตามกระแสการพัฒนาโทรศัพท์เคลื่อนที่อีกด้วย” นายธวัชชัย กล่าว
มร. อเล็กซ์ ชาน ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท แซนดิสก์ ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า SanDisk ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2531 โดยปัจจุบันมีพนักงานกว่า 850 คน ถือลิขสิทธิ์ในผลิตภัณฑ์มากกว่า 100 รายการ และมีช่องทางจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ SanDisk มากกว่า 40,000 แห่งทั่วโลก โดยมุ่งตอบสนองตลาดอุปกรณ์ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1. ตลาดอุปกรณ์กล้องถ่ายภาพดิจิตอล ในหมวดผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพนิ่งดิจิตอลและกล้องถ่ายวิดีโอดิจิตอล 2. ตลาดอุปกรณ์ไอที ในหมวดผลิตภัณฑ์สำหรับตอบสนองการใช้งานพีดีเอ คอมพิวเตอร์ พีซี และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค 3. ตลาดอุปกรณ์มือถือ ในหมวดผลิตภัณฑ์ โทรศัพท์มือถือดิจิตอล พร้อมกล้องถ่ายภาพ และโทรศัพท์มือถือดิจิตอล พร้อมออการ์ไนเซอร์
“ส่วนภาพรวมตลาดทั่วโลกในปีนี้นั้น มีอุปกรณ์ดิจิตอลที่รองรับการใช้งานของแฟลชเมโมรี การ์ด สูงถึงประมาณ 83 ล้านหน่วย และภาพรวมตลาดโลก สำหรับอุปกรณ์ดิจิตอลทั้ง 3 กลุ่มตลาดรวมกันมีสัดส่วนยอดขายถึงร้อยละ 88 ในทุก ๆ ปี สำหรับภาพรวมตลาดเอเชียนั้น ในปีนี้มีอุปกรณ์ดิจิตอลที่รองรับ แฟลชเมโมรีการ์ด ถึง 11 ล้านหน่วย โดนอุปกรณ์ดิจิตอลทั้ง 3 กลุ่มตลาดรวมกันมีสัดส่วนยอดขายถึงร้อยละ 36 ในทุก ๆ ปี” มร.ชานกล่าวในที่สุด
เกี่ยวกับ อีพีเอส ไอที พลัส
บริษัท อีพีเอส ไอที พลัส จำกัด เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจการนำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชั้นนำของโลกหลากหลายประเภทในประเทศไทย โดยได้ดำเนินการทำธุรกิจมาตั้งแต่ พ.ศ. 2542 และเป็นผู้เริ่มต้นบุกเบิกตลาดผลิตภัณฑ์แฟลช เมโมรีในประเทศไทย รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.epsitplus.co.th
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข่าวประชาสัมพันธ์
กรุณาติดต่อ AD2Y Communication Services
สุพัตรา(แอน)บุญชัย มือถือ 0 1610 9897
อีเมล์ [email protected]
แสงเดือน(หยุย)สีแดง มือถือ 0 1850 5508
อีเมล์ [email protected]
โทรศัพท์ /โทรสาร 0 2722 8804--จบ--
--อินโฟเควสท์ (อบ)--