กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์(ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาว ที่ระดับ ‘AA+(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ แก่หุ้นกู้ค้ำประกันชุดใหม่ของ บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่า 2 พันล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2550 ซึ่งได้รับการค้ำประกันในลักษณะเต็มจำนวน ไม่มีเงื่อนไข และไม่สามารถยกเลิกได้จากบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ เอจี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ปัจจุบันบริษัทเดมเลอร์ไครสเลอร์ เอจี ได้รับการจัดอันดับโดยฟิทช์ ให้มีอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (International Foreign Currency Rating) ที่ระดับ ‘BBB+’ แนวโน้มเครดิตเป็นบวก ฟิทช์เชื่อว่าบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ เอจี พร้อมที่จะสนับสนุนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ของ บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) ครบถ้วนและตรงตามเวลาที่กำหนด
อันดับเครดิตสากลระยะยาวของบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ เอจี มีอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ (International Local Currency Rating) ของประเทศไทยซึ่งอยู่ที่ระดับ ‘A-’ (A ลบ) แนวโน้มเครดิตเป็นบวก อยู่หนึ่งระดับ ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ของบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) ที่ค้ำประกันโดยบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ เอจี จึงมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศของประเทศไทยที่ระดับ ‘AAA(tha)’ อยู่หนึ่งระดับเช่นกัน
อันดับเครดิตของบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ เอจี สะท้อนถึงความเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งในตลาดรถยนต์ประเภทที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมและยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ และยังสะท้อนถึงเครดิตของกลุ่มบริษัท ไครสเลอร์ ด้วย แนวโน้มเครดิตเป็นบวกสะท้อนถึงการปรับปรุงการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท ไครสเลอร์ และสายธุรกิจยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ซึ่งน่าจะช่วยลดผลกระทบทางด้านลบต่อบริษัทที่เกิดจากสายธุรกิจเหล่านี้ บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ เอจี เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก และเป็นผู้ผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลประกอบการที่ดีของสายธุรกิจรถเมอร์เซเดส-เบนซ์และสายธุรกิจด้านสินเชื่อรถยนต์ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท แม้ว่าจะถูกลดทอนลงบ้างจากขาดทุนจากการลงทุนในบริษัท European Aeronautic and Space และขาดทุนจากการดำเนินการของบริษัทในเครือซึ่งได้แก่ บริษัท Mitsubishi Motors และ Toll Collect จากการที่บริษัทชำระหนี้คืนและการลดลงของมูลค่าหนี้ทางบัญชีเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2546 บริษัทมีสถานะเป็น Net Cash (ไม่รวมหนี้สินจากสายธุรกิจด้านสินเชื่อรถยนต์) และมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับ 7.9 เท่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2547 บริษัทมีกำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากผลประกอบการของกลุ่มบริษัท ไครสเลอร์ และสายธุรกิจยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ดีขึ้น
บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) ซึ่งถือหุ้น 99.99% โดยบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ เอจี ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายรถเมอร์เซเดส-เบนซ์และรถในกลุ่มไครสเลอร์ ให้กับผู้จำหน่ายในประเทศไทย เมอร์เซเดส- เบนซ์ จัดเป็นรถที่นิยมแพร่หลายในตลาดรถยนต์ประเภทที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมในประเทศไทย เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ต่ำกว่าและราคาขายในตลาดรถมือสองที่สูงกว่าคู่แข่งในตลาดรถประเภทเดียวกัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ สามารถครองความเป็นผู้นำในตลาดนี้มาเป็นเวลานาน นอกจากนี้บริษัทเดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) ยังให้บริการทางด้านสินเชื่อรถยนต์ โดยผ่านทางบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) ซึ่งถือหุ้น 99.99% โดยบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย)
สำหรับรายงานฉบับสมบูรณ์ของบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หาได้จาก www.fitchresearch.com หรือ ติดต่อ เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล +662 655 4760, ธนวัฒน์ รุ่งธนาภิรมย์ +662 655 4763, Vincent Milton +662 655 4759 Wolfgang Wiehe, ลอนดอน, +44 20 7417 4233
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้--จบ--