ทริสเรทติ้งเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ “บง. เกียรตินาคิน” พร้อมแนวโน้ม “Stable”

อังคาร ๓๐ พฤศจิกายน ๒๐๐๔ ๐๙:๑๑
กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของ บริษัทเงินทุนเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “A-” จากเดิมที่ “BBB+” โดยสะท้อนความสามารถของผู้บริหารในการสร้างรายได้จากธุรกิจที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการมีฐานทุนเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงการที่บริษัทยังคงตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับที่แข็งแกร่ง ทว่าปัจจัยบวกเหล่านี้ถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่ยังคงรุนแรงในธุรกิจเช่าซื้อและการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่มีปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าผู้บริหารของบริษัทจะสามารถรักษาระดับกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มอันดับเครดิตสะท้อนประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจเช่าซื้อและสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะตัวของบริษัท และขนาดทุนที่เพียงพอทำให้บริษัทมีโอกาสสูงที่จะได้รับการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจ แต่บริษัทก็มีโอกาสที่จะเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นเพราะขอบเขตของธุรกิจธนาคารพาณิชย์นั้นกว้างขึ้น
ทริสเรทติ้งรายงานว่า นับตั้งแต่เปิดดำเนินการอีกครั้งในปี 2541 บง. เกียรตินาคิน ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและการจัดสรรทุนโดยให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจมากกว่าการขยายฐานการเติบโตของทรัพย์สิน บริษัทเปลี่ยนจากการเน้นธุรกิจเช่าซื้อไปเป็นการลงทุนประมูลซื้อทรัพย์สินด้อยคุณภาพจากองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ระหว่างปี 2542-2543 ซึ่งสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจและยังขยายขอบเขตความชำนาญและประสบการณ์ในการจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บริษัท และได้นำไปสู่โอกาสในธุรกิจใหม่ ในขณะเดียวกัน บริษัทได้นำหลักเกณฑ์การประเมินทรัพย์สินและนโยบายการตั้งสำรองที่เข้มงวดมาใช้กับสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ได้ประมูลซื้อมาด้วย
ประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจเช่าซื้อช่วยให้บริษัทสามารถกลับมาขยายขนาดสินเชื่อเช่าซื้อได้โดยง่ายในปี 2547 โดยสินเชื่อดังกล่าวมีสัดส่วนสูงที่สุดในบรรดาสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัท ด้วยขนาด 18,606 ล้านบาท หรือ 27% ของสินทรัพย์รวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 จากการที่ขนาดของสิทธิเรียกร้องจากสินเชื่อด้อยคุณภาพที่บริษัทประมูลซื้อมาได้ลดลงจากประมาณ 19,500 ล้านบาทในปี 2542 มาอยู่ที่ประมาณ 10,400 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 บริษัทก็ได้เริ่มดำเนินธุรกิจใหม่นับตั้งแต่ปี 2543 คือสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทได้นำประสบการณ์และทักษะการบริหารสินเชื่อจากเงินลงทุนในสิทธิเรียกร้องมาช่วยในการประเมินความเสี่ยงสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ จากการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่บริษัทเพิ่มขึ้นเมื่อสิทธิเรียกร้องจากสินเชื่อด้อยคุณภาพที่บริษัทประมูลซื้อมาหมดลง สินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทมีสัดส่วนประมาณ 21% ของสินทรัพย์รวม หรือ 10,235 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2547
สินทรัพย์รวมของบริษัท ณ กลางปี 2547 อยู่ที่ระดับ 48,606 ล้านบาท อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนเพิ่มขึ้นจาก 12.9% ในปี 2542 มาเป็น 26.6% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 และ ณ เดือนมิถุนายน 2547 สิทธิเรียกร้องจากสินทรัพย์ที่บริษัทประมูลซื้อผ่าน ปรส. มีส่วนเกินทุนอยู่จำนวน 1,114 ล้านบาทจากขนาดต้นทุนที่ระดับ 9,340 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าส่วนเกินทุนในปี 2546 ที่มีอยู่จำนวน 1,002 ล้านบาทจากขนาดของต้นทุนที่ระดับ 8,462 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทเงินทุนขนาดใหญ่อีก 3 แห่งแล้ว บริษัทมีสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมถัวเฉลี่ยสูงกว่า โดยอยู่ที่ระดับ 15.8% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 ซึ่งค่าเฉลี่ยของ บง. อื่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ระดับ 13.7% อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่เคยโอนหนี้เสียไปยังบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย บริษัทมีจำนวนสินเชื่อที่มีปัญหาจากสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นในปี 2547 เมื่อเทียบกับปี 2546 ผู้บริหารมีนโยบายในการดำรงความพอเพียงของเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูงซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่ออันดับเครดิตของบริษัท การที่บริษัทมีการให้สินเชื่อในลักษณะที่มีทั้งความเสี่ยงและผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจึงต้องมีนโยบายการตั้งสำรองที่เข้มงวดให้เพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงจากสินเชื่อที่มีปัญหา สำหรับสินเชื่อทั่วๆ ไปนั้น บริษัทได้ตั้งสำรองเพิ่มจากระดับปกติอีก 20% สำหรับสินเชื่อจัดชั้นประเภทสงสัยจะสูญ ส่วนสินเชื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้น บริษัทได้ตั้งสำรองเพิ่มอีก 20% ไว้สำหรับสินเชื่อจัดชั้นประเภทต่ำกว่ามาตรฐานไปจนถึงชั้นสงสัยจะสูญถึงแม้ว่าสินเชื่อเหล่านี้จะมีมูลค่าหลักประกันคุ้มมูลหนี้ก็ตาม สัดส่วนการตั้งสำรองของบริษัท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 อยู่ที่ระดับ 154.2% ของการตั้งสำรองตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version