กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--ไทย-เยอรมัน เดคคอร์
โครโนเท็กซ์เตรียมแผนรับมือการแข่งขันตลาดพื้นไม้สำเร็จรูปปี 48 เดือด ลุยขยายตัวแทนขายกระจายทุกภูมิภาค ระบุปี 47 ยอดขายรวม 150 ล้านบาท แชร์ตลาด 25% ล่าสุดออกผลิตภัณฑ์ใหม่ DYNAMIC WOOD GRAIN ที่มีผิวเคลือบหน้าไม้หนากว่าปกติ พร้อมลายายเปลือกไม้เหมือนธรรมชาติ***
นายสุรพล ชินเวชกิจมงคล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทย-เยอรมัน เดคคอร์ จำกัด บริษัทผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายพื้นไม้สำเร็จรูป KRONOTEX เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดพื้นไม้สำเร็จรูปในประเทศกำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นวัสดุตกแต่งบ้านที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง สำหรับเหตุผลหนึ่งที่กลุ่มผู้บริโภคหันมาเลือกใช้พื้นไม้สำเร็จรูปกันมากเมื่อเทียบกันระหว่างพื้นไม้อื่นทั่วไป เนื่องจากพบว่า พื้นไม้สำเร็จรูปมีข้อได้เปรียบหลายประการ เช่นมีหลากหลายสีสันให้เลือกตามความพึงพอใจ มีความแข็งแกร่งทนทาน ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย ติดตั้งได้รวดเร็วและมีรับประกันหลังการขาย
ทั้งนี้ ในปีนี้นับเป็นปีที่มีอัตราการเติบโตของธุรกิจในระดับที่สูงมาก กล่าวคือบริษัทมีอัตราการเติบโตขึ้นถึง 60% มียอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาด 25% จากตลาดรวมกว่า 600 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ถือว่ามีอัตราการขยายตัวของตลาดมากที่สุด เนื่องจากในช่วงทุกๆสิ้นปี เป็นช่วงเวลาที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้อของตกแต่งบ้าน จึงทำให้ช่วงนี้มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงทั้งในเรื่องของราคา เทคโนโลยีสินค้า ความสวยงามและบริการ แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดในการแข่งขันคือผู้บริโภคนั่นเอง
นายสุรพล กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของตลาดพื้นไม้สำเร็จรูปในปี 2548 คาดว่า ยังมีแนวโน้มการขยายตัวมากขึ้นอีก 20-25% และจะมีพื้นไม้สำเร็จรูปยี่ห้อใหม่ในแถบเอเชีย เช่น มาเลเซียและจีน เข้ามาในตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง ส่วนบริษัทได้มีการเตรียมแผนการตลาดเพื่อตั้งรับสถานการณ์การแข่งขันกันของตลาดพื้นไม้ในปีหน้า
โดยจะขยายตัวแทนจำหน่ายกระจายสู่ทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 5 สาขา พร้อมกับการขยายโชว์รูมสินค้าให้ทั่วกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาดพื้นไม้อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งล่าสุดช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้บริษัทได้ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ DYNAMIC WOOD GRAIN ออกสู่ตลาด โดยผิวเคลือบหน้าไม้หนากว่ารุ่นทั่วๆ ไป และมีความเป็นธรรมชาติด้วยลายเปลือกไม้เป็นนูน สูง ต่ำ ราคารวมค่าติดตั้งอยู่ที่ 960 บาท ต่อตร.ม. ซึ่งเป็นช่วงโปรโมชันในงานบ้านและส่วนแฟร์ 2004 แต่หลังจากจะเป็นราคา 1,090 บาทต่อตร.ม. ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้ที่บูธในงานบ้านและสวนแฟร์ 2004 พร้อมมีโปรโมชันสำหรับลูกค้าในงาน โดยบริษัทคาดว่าจะมียอดจองสินค้าในงานนี้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ตารางเมตรหรือประมาณ 6 ล้านบาท
"บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าพื้นไม้ประเภทนี้เข้ามาในประเทศไทยยุคแรกๆ เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันมีความเข้าใจตลาดและเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น จนเป็นที่ยอมรับของกลุ่มลูกค้ามากขึ้นเรื่อยไม่ว่าจะเป็นสถาปนิก มัณฑนากร ผู้ออกแบบ รวมไปถึงโครงการบ้านจัดสรร อาทิ โครงการบ้านในเครือแลนด์แอนด์เฮ้าส์ วังทองกรุ๊ป มั่นคงเคหะการ ปริญสิริ และโครงการอื่นๆอีกมากมาย คาดว่าในปี 2548 จะมีโครงการบ้านทั้งระดับบน กลางและล่างจะให้ความสนใจสินค้าของบริษัทรวมกว่า 40-50 โครงการ" นายสุรพลกล่าว--จบ--