ความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทย จากการสำรวจขององค์การอนามัยโลกและธนาคารโลก

พฤหัส ๐๙ ธันวาคม ๒๐๐๔ ๑๑:๕๗
กรุงเทพฯ--9 ธ.ค.--ธนบุรินทร์ เอเชีย แปซิฟิก
จากการสำรวจขององค์การอนามัยโลกและธนาคารโลกพบว่าอุบัติเหตุทางถนนคร่าชีวิตเยาวชนที่มีอายุตั้งแต่ 5-29 ปีเป็นอันดับหนึ่ง และจัดอยู่ในอันดับสองสำหรับกลุ่มคนอายุ 30-44 ปีทั่วโลก จากสถิติพบว่าในแต่ละปีอุบัติเหตุทางถนนได้คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกถึง 1.2 ล้านคนและยังทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือต้องกลายเป็นอัมพาตหรือไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ถึง 20-50 ล้านคนหรือสูงกว่านั้น
ว่ากันว่าหากไม่มีการปรับปรุงในเรื่องความปลอดภัยในเรื่องการใช้ถนนอย่างปลอดภัยแล้วล่ะก็ คาดกันว่าจะมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนาเพิ่มสูงขึ้นราว 80 เปอร์เซนต์ในปี พ.ศ. 2563
อาจจะมีคำถามว่า “ถนนปลอดภัย” หมายความว่าอย่างไร เพราะจริง ๆ แล้ว “ถนนปลอดภัย” ไม่ได้หมายความถึงว่า “ไม่มีอุบัติเหตุ” แต่อย่างใด ในหลาย ๆ ประเทศได้มีการตระหนักและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการปรับปรุงความปลอดภัยทางถนนเพื่อปกป้องทรัพย์สินและชีวิตของประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศซึ่งรวมถึงประเทศกัมพูชา คอสตา ริก้า กาน่า และประเทศไทยด้วย
ความสำเร็จต่าง ๆ เหล่านี้เกิดจากการปรับปรุงด้านการออกแบบยวดยานพาหนะและถนน โดยเน้นเรื่องการตราพระราชบัญญัติ ออกกฎหมายบังคับใช้ และการให้ข่าวสารเรื่องความสำคัญของการคาดเข็มขัดนิรภัยเมื่อนั่งโดยสารรถ หรือการสวมหมวกกันน็อก รวมทั้งการให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของการขับขี่รถเร็ว และการเมาสุราในระหว่างขับขี่ ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการให้ข่าวสาร และการฝึกอบรม ซึ่งมีทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจัดกิจกรรมขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจอยู่เสมอ ๆ
ประเทศไทย ก็เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องการพัฒนาถนนและความปลอดภัยของถนนและถือว่าเป็นภาระสำคัญของชาติ ในการนี้กระทรวงคมนาคมได้ประสานงานร่วมกับ แจแปน-โกลบอล โร้ด พาร์ทเนอร์ชิพ องค์การสหประชาชาติ และสถาบันแห่งเอเชีย หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “สถาบันเอไอที” ในการริเริ่มพัฒนาปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน โดยการกระตุ้นให้ภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมผลักดัน นอกจากนั้น ยังมีการวางนโยบายและแผน ตลอดจนถึงการวางระบบถนนปลอดภัย (Safe Road System) อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
เนื่องจากความปลอดภัยทางถนนอยู่ในแผนงานแห่งชาติ แต่มีข้อสงสัยว่าตอนนี้มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
ในการนี้ ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายนิกร จำนง ซึ่งรับผิดชอบการคมนาคม ทางบก ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า “ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ก้าวแรกที่จำเป็นต้องทำคือ การหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่แท้จริงว่ามีสาเหตุมาจากอะไร ขั้นตอนแรกต้องทราบว่าปัญหาคืออะไร และทำไมถึงมีอุบัติเหตุทางถนนเกิดขึ้นมากมาย และอะไรคือต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุนั้น ๆ”
“สำหรับข้อแตกต่างที่เห็นหรือพบได้จากการเกิดอุบัติเหตุบนถนนหลวงคือสภาพของถนน หรืออาจจะเนื่องมาจากการขับขี่รถอย่างไม่ระมัดระวัง หรือยังขับรถไม่แข็งพอ ปัญหาที่เกิดขึ้นจากมูลเหตุต่าง ๆ กันย่อมต้องมีแนวทางแก้ไขที่ต่างกันไปแล้วแต่ข้อมูลและแนวทางในการแก้ไข” ฯพณฯ นิกรกล่าว
“จะเห็นได้ว่าบนท้องถนน มียานพาหนะหลากหลายบนท้องถนน ซึ่งนับเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ความแตกต่างของการใช้รถทางยุโรป และสหรัฐอเมริกากับทางแถบเอเชียอยู่ที่ในยุโรปและอเมริกาส่วนใหญ่จะใช้รถยนต์เพื่อการโดยสารมากกว่าใช้รถมอเตอร์ไซด์ ขณะที่ในทางตรงกันข้าม ผู้คนส่วนใหญ่ในแถบเอเชียจะใช้รถมอเตอร์ไซด์ ซึ่งถือได้ว่าไม่ค่อยปลอดภัย” ฯพณฯ นิกรกล่าวเสริม
จากการศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นราว 75 เปอร์เซนต์เกิดจากรถมอเตอร์ไซด์ โดยปัจจุบันประเทศไทยกำลังมองหาความเป็นไปได้ในการแยกเลนมอเตอร์ไซด์ออกมาอีก 1 เลน เหมือนในประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีเลนรถมอเตอร์ไซด์แยกออกมาต่างหาก ซึ่งช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนได้เป็นอย่างมากระหว่างอุบัติเหตุทางรถยนต์และรถมอเตอร์ไซด์ ในการนี้ สำหรับในประเทศ
ไทย รัฐบาลกำลังมองหาความเป็นไปได้การปรับกฎหมายการจราจร และกฎข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อหา
หนทางลดอุบัติเหตุ ซึ่งถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการนำมาตรการการตรวจเช็คความเร็วในการขับขี่โดยการ ติดตั้งกล้องจับความเร็วในการขับขี่ ซึ่งในหลาย ๆ ประเทศในแถบยุโรปได้มีการใช้กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าในประเทศไทยก็น่าจะสามารถลดอุบุติเหตุได้ด้วยเช่นกัน
ฯพณฯ นิกรกล่าวย้ำว่า “เราต้องการที่จะเจาะประเด็นดังกล่าว แต่ปัจจัยหลักอยู่ที่ว่าเราต้องการพัฒนาถนนที่สามารถรองรับการจราจรทุกรูปแบบ ถนนในบ้านเราได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการจราจรในแถบเอเชีย ขณะที่การก่อสร้างถนนในบ้านเราเป็นแบบยุโรป ซึ่งมีความแตกต่างกันในเรื่องการจราจรเนื่องจากมีจำนวนรถยนต์เป็นจำนวนมาก จึงเป็นเรื่องยากสำหรับการจราจรของรถมอเตอร์ไซด์ ไม่ใช่เรื่องที่ว่าผู้คนจะต้องปรับตัวตามสภาพของถนนหนทาง ไม่มีถนนที่ไหนที่จะปรับให้เข้ากับผู้คนที่ใช้ถนน” ฯพณฯ นิกรกล่าว
การปลูกฝังและการจัดการเรียนการสอนในเรื่องกฎจราจรควรเริ่มตั้งแต่เด็กในวัยเรียน การเริ่มต้นจากการจัดทำหลักสูตรการเรียนเรื่องความปลอดภัยทางการจราจรในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา ระดับวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยจะสามารถช่วยส่งเสริมและพิสูจน์ให้เห็นถึงกลยุทธ์และแนวทางสำคัญในการลดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้
จากสถิติของกระทรวงสาธาราณสุขเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในช่วงระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2546 จนถึง 2 มกราคม 2547 พบว่า 39.3 เปอร์เซนต์ของอุบัติเหตุทางถนนนั้น จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยในจำนวนนี้ผู้ที่มีอายุระหว่าง 15-24 ปี มีอัตราสูงสุดของจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด ในเรื่องนี้ ทางภาครัฐคาดหวังในการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่ซึ่งการขับรถโดยระมัดระวังโดยการไม่ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด หรือการขับรถในขณะมึนเมาสุรา ดังจะเห็นได้ว่าภาครัฐได้เข้มงวดในเรื่องนี้และเอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้น จากการที่ประเทศไทย โดยกระทรวงคมนาคมและสมาคมทางหลวงแห่งประเทศไทย ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุมนานาชาติ “อินเตอร์ เนชั่นแนล โร้ด เฟดเดอเรชั่น เวิลด์ มีตติ้ง 2005 ครั้งที่ 15” (International Road Federation World Meeting 2005) และ อินเตอร์ทราฟฟิก เอเชีย 2005 (Intertraffic Asia 2005 Exhibition) ระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน 2548 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ซึ่งรัฐบาลไทยถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่จะเป็นเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์หนึ่งในกิจการคมนาคมของประเทศไทย รวมทั้งยังจะเป็นการช่วยยกระดับมาตรฐานการคมนาคมของไทยให้เจริญทัดเทียมนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและผลงานวิจัยในเรื่องความปลอดภัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับถนนจากผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย
ดังนั้น อย่าลืมร่วมกันเป็นเจ้าภาพต้อนรับสมาชิกสมาพันธ์ทางหลวงนานาชาติและผู้ที่จะเข้ามาร่วมประชุมจากกว่า 3,000 คน จาก 70 ประเทศเพื่อศักดิ์และศรีของประเทศไทย.
สื่อมวลชนต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
เกษมศรี ยูเฟมิโย / ยุวดี ชมบุญ
บริษัท ธนบุรินทร์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด
โทรศัพท์ 02 231 6158-9 โทรสาร 02 231 6230
อีเมล์ [email protected] และ [email protected]
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version