กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--สนพ.
กระทรวงพลังงานยอมรับปริมาณการใช้ดีเซลเพิ่มขึ้น 10 % หรือ 16,000 ล้านลิตรในช่วง 10เดือน เนื่องจากการตรึงราคาไว้ ส่วนสาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น 3 เหรียญสหรัฐเนื่องจากเป็นการเก็งกำไร และจะเดินทางไปอิหร่าน 17 —20 ธันวาคมนี้
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช รมว.พลังงานเปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ว่า จากการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ปริมาณการใช้ดีเซลเพิ่มขึ้นจากปี 2546 โดยปริมาณการใช้ในช่วงเดือนมกราคม — ตุลาคม 2547 อยู่ที่ประมาณ 16,000 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปี 2546 ที่มีปริมาณการใช้ประมาณ 14,130 ล้านลิตร หรือประมาณ 10% ส่วนปริมาณการใช้เบนซินทุกประเภทอยู่ที่ 6,400 ล้านลิตร
เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่อยู่ที่ 6,300 ล้านลิตร
ทั้งนี้ราคาน้ำมันดีเซลตามราคาตลาดโลกได้ขึ้นมาอยู่ที่ 18 บาทต่อลิตรแล้ว และในส่วนของรัฐบาลที่ตรึงราคาไว้ที่ 14.59 บาทต่อลิตรนั้น ก็ส่งผลให้ปริมาณการใช้ดีเซลในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเห็นได้จากความต้องการใช้พลังงาน ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ( กฟภ. ) มีปริมาณการใช้ที่มากกว่าของการไฟฟ้านครหลวง ( กฟน.)
ในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นนั้น เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันสูงขึ้น จึงอาจส่งผลให้ธุรกิจนี้ขยายตัวมากขึ้น ทำให้มีภาวะการลงทุนดีขึ้นด้วย และน้ำมันที่เหลือก็สามารถส่งออก
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล นั้น นายแพทย์พรมินทร์ กล่าวว่า เป็นผลมาจากการสำรวจปริมาณการสำรองน้ำมันของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้ราคาน้ำมันผันผวนบ้าง ส่วนการจะปรับขึ้นลงราคาขายปลีกในประเทศตามนั้น จะต้องติดตามดูสถานการณ์เป็นระยะเวลายาว ๆ เนื่องจากไม่สามารถที่จะปรับขึ้นลงตามทุกวันได้ แตอย่างไรก็ตามเชื่อว่าในที่สุดราคาก็จะต้องกลับเข้ามาอยู่ในภาวะปกติ
โดยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 34.20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.190 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 41.74 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.42 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอยู่ที่ 44.24 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.43 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ เบนซิน 95 อยู่ที่ 44.75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.63เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ดีเซลอยู่ที่ 50.475เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.65เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ชดเชยไปแล้วจำนวน 58,941.92 ล้านบาท หรือ 186.67 ล้านบาทต่อวัน แบ่งเป็นเบนซิน 95 จำนวน 2,672.63 ล้านบาท เบนซิน 91 จำนวน 4,302.45 ล้านบาท
นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าวว่า ในวันที่ 17-20 ธันวาคมนี้ จะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เพื่อติดตามผลการขอรับสัปทานการขุดเจาะและสำรวจแหล่งน้ำมันซึ่งเป็นความมือระหว่างบริษัทปตท.สผ.และกระทรวงปิโตรเลียมอิหร่าน ตามที่ปตท.สผ.ได้ยื่นประมูลไปใน แปลง 4 Khoramabad และแปลงที่ 14 Saaeh ซึ่งขณะนี้ทางอิหร่านอยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งนี้สืบเนื่องจากทางกระทรวงปิโตรเลียมอิหร่านต้องการให้ไทยเข้าไปเข้าไปร่วมพัฒนาแหล่งผลิตปิโตรเลียมในอิหร่าน โดยผ่านทางเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย
นอกจากนี้จะเข้าไปพิจารณาศึกษาการนำเข้า LNG จากอิหร่าน และเชิญชวนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และ บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ ก๊าซ NGV ของอิหร่านมาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลอิหร่านได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์เกือบทั้งประเทศ และทำให้อุปกรณ์ในการติดตั้ง NGV มีราคาถูกกว่าประเทศไทยหลายเท่าขณะเดียวกันจะมีการเจรจาซื้อน้ำมันจากอิหร่านเป็นราคาพิเศษ เนื่องจากาน้ำมันจากอิหร่านมีกำมะถันสูง ซึ่งหากเป็นเป็นไปได้อาจมีการเจรจาขอซื้อในราคาที่ต่ำกว่าที่ประเทศอิหร่านขายประมาณ
1 เหรียญ ต่อบาร์เรล“ ขณะนี้อิหร่านให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับไทย ที่จะเป็นพันธมิตรร่วมด้วย รองจากจีน และทางอิหร่านเชือว่าไทยเป็นประเทศที่ศักภาพด้านเศรษฐกิจที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะทำให้ไทยมีโอกาสสูงในการเจรจาสัปทานดังกล่าว นอกจากนี้ในปี 2548 จะเป็นวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย —อิหร่านซึ่งน่าจะทำให้ไทยมีความได้เปรียบเป็นอย่างมาก ”นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าว--จบ--