เอสแอลซี ลิสซิ่ง ชี้แจงการเก็บเงินค่างวดเช่าซื้อให้กับเอ็มบีไอเอ และบงล.ซิทก้า

ศุกร์ ๐๔ กันยายน ๑๙๙๘ ๑๖:๒๓
กรุงเทพ--4 ก.ย.--บริษัท เอสแอลซี ลิสซิ่ง จำกัด
บริษัท เอสแอลซี ลิสซิ่ง จำกัด ประกาศในเมื่อเร็วๆ นี้ว่า บริษัทยังคงมีอำนาจตามกฎหมาย และมีสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ในการเก็บเงินค่างวดเช่าซื้ออันพึงได้ภายใต้สัญญาบริหารที่ทำกับบริษัท เอ็มบีไอเอ อินชัวรันซ์ คอร์ปอเรชั่น อาร์มังค์ นิวยอร์ก และภายใต้สัญญาบริการเก็บเงินค่างวดที่ทำกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ซิทก้า จำกัด (มหาชน)
มร.ยอร์จ คาแซนท์ซิส กรรมการผู้จัดการเอสแอลซี ลิสซิ่ง เปิดเผยว่า การลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ และการส่งจดหมายโดยตรงถึงลูกค้าของเอสแอลซีโดยเอ็มบีไอเอ และบงล.ซิทก้า เป็นความพยายามเพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินการทางกฎหมายในการแก้ไขข้อพิพาททางธุรกิจกับเอสแอลซี ลิสซิ่ง
มร. คาแซนท์ซิส ชี้แจงว่า เอ็มบีไอเอไม่ได้พยายามดำเนินการทางกฎหมายเพื่อถอดถอนเอสแอลซี ลิสซิ่ง ออกจากการเป็นผู้จัดการสัญญาที่ทำไว้ภายใต้สัญญาบริหารและบงล.ซิทก้าก็เช่นกันไม่ได้ดำเนินการทางศาลเพื่อถอดถอนเอสแอลซี ลิสซิ่งจากการเป็นผู้เก็บเงินค่างวดที่ทำไว้ภายใต้สัญญาบริการเก็บค่างวด และยังได้ลงโฆษณาที่ไม่เหมาะสมและสร้างความเสียหาย โดยเจตนาทำให้เอสแอลซี ลิสซิ่งเสื่อมเสียชื่อเสียง ภายใต้เงื่อนไขของสัญญาทั้งสัญญาบริหารที่เอสแอลซี ลิสซิ่งทำกับเอ็มบีไอเอและสัญญาบริการเก็บค่างวดที่เอสแอลซีทำไว้กับบงล.ซิทก้าก็ดี ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่จนกว่าศาลจะตัดสินเป็นอย่างอื่น หรือคู่กรณี มีการเจรจาตกลงประนีประนอมร่วมกัน
เอ็มบีไอเอ แบงเกอร์ ทรัสต์ และทิสโก้ ลิสซิ่ง ได้ตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวโดยไม่ชอบธรรมในการดำเนินการดังกล่าวซึ่งคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง โดยมิได้คำนึงถึงลูกค้าของเอสแอลซี ผู้เช่าซื้อ พนักงานของบริษัท เจ้าหนี้ และ สาธารณชน”
มร.คาแซนท์ซิส กล่าว "เนื่องจากการที่เอสแอลซีได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของเอ็มบีไอเอที่ว่าเอสแอลซีปฏิบัติผิดสัญญาบริหาร เอ็มบีไอเอได้พยายามหลีกเลี่ยงกระบวนการทางศาลด้วยการลงโฆษณาซึ่งไม่เหมาะสมและด้วยข้อความที่สร้างความเสียหายด้วยเจตนาที่จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับบริษัทเอสแอลซีและได้สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงและชื่อของบริษัท รวมทั้งสร้างความสับสนแก่ลูกค้าของเอสแอลซี" มร.คาแซนท์ซิส กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เอสแอลซี ลิสซิ่งปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวอย่างเต็มความสามารถโดยไม่ขาดตกบกพร่องแต่ประการใด
"เนื่องจากเอสแอลซียังไม่ได้ถูกถอดถอนอย่างถูกต้องจากการเป็น ผู้จัดการสัญญาภายใต้สัญญาบริหาร ลูกค้าเอสแอลซีจึงยังคงต้องส่งเงินค่างวดเช่าซื้อให้กับบริษัทเอสแอลซี ลิสซิ่งต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนี้จะได้รับการตัดสินชี้ขาดจากศาลหรือจนกว่าจะได้มีการทำสัญญาประนีประนอมกันกับเอ็มบีไอเอและบงล.ซิทก้า"
มร. คาแซนท์ซิสกล่าวและเสริมว่า "เราคอยให้คำแนะนำแก่ลูกค้าของเราอย่างเต็มที่ ถึงสถานภาพที่ถูกต้องตามกฎหมายเกี่ยวกับข้อพิพาทนี้ และแนะนำว่าลูกค้าควรปฏิบัติอย่างไรเอสแอลซีมีความเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อความรู้สึกของลูกค้าและพยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ลูกค้าทุกท่าน มั่นใจว่าเอสแอลซีจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้าทุกท่าน”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2541 ที่ผ่านมา เอสแอลซีได้ยื่นฟ้องให้ศาลแพ่งดำเนินคดีกับแบงเกอร์ ทรัสต์ ทิสโก้ ลิสซิ่ง และผู้บริหารของบริษัท ทิสโก้ ลิสซิ่ง จำกัด เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 800 ล้านบาท เอสแอลซียังได้ขอให้ศาลสั่งให้แบงเกอร์ ทรัสต์ และทิสโก้ ลิสซิ่งยุติการลงโฆษณาที่สร้างความเสื่อมเสียให้แก่เอสแอลซีและเลิกติดต่อกับลูกค้าของเอสแอลซีและเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2541 เอสแอลซีได้ยื่นฟ้องให้ศาลแพ่งดำเนินคดีกับบงล.ซิทก้าเพื่อบังคับให้บงล.ซิทก้าปฏิบัติตามภาระผูกพันภายใต้สัญญาว่าด้วยการบริการจัดเก็บค่างวด
ข้อพิพาททางธุรกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สืบเนื่องมาจากกลุ่มผู้ลงทุนรายใหม่ซึ่งได้เข้ามาบริหารเอสแอลซี ลิสซิ่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2541 ที่ผ่านมา ได้ตรวจพบการทำผิดกฎระเบียบทางการเงินตั้งแต่สมัยผู้บริหารชุดก่อน ซึ่งตอนนั้นบริษัทยังใช้ชื่อว่าบริษัทซิสก้า ลิสซิ่ง จำกัดและเป็นช่วงก่อนที่นักลงทุนชุดปัจจุบันจะเข้ามาบริหาร และเมื่อไม่นานมานี้ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ตั้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการกับอดีตผู้บริหาร 4 คนของบงล.ซิทก้า ว่าได้ร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากบริษัท ปัจจุบันเอสแอลซี ลิสซิ่ง กำลังดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาผลประโยชน์ของลูกค้า พนักงานเจ้าหนี้ และ ผู้ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำที่ผิดกฎระเบียบนี้
"เอสแอลซีจะไม่รับผิดชอบต่อนิติกรรมอำพรางใดๆ ซึ่งผู้บริหารชุดก่อนของบงล.ซิทก้า และซิทก้า ลิสซิ่ง เป็นผู้ก่อไว้" มร.คาแซนท์ซิส กล่าวและว่า เอสแอลซีจะไม่รับผิดชอบต่อหนี้สิน และภาระผูกพันที่ไม่มีเอกสารรองรับซึ่งกระทำโดยผู้บริหารชุดก่อนของซิทก้า ลิสซิ่ง เว้นแต่จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าหนี้สิน และภาระผูกพันเหล่านั้นชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ เอ็มบีไอเอ ได้เข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้กับ บงล. ซิทก้า เพื่อการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์มูลค่า 84 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่ เอ็มบีไอเอก็ได้ทำการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของเอสแอลซีอย่างละเอียดแล้ว"
มร.คาแซนท์ซิส กล่าวเสริมว่า "เอสแอลซี ลิสซิ่ง ยังได้พยายามติดต่อให้ปรส. เข้าไปตรวจสอบและแก้ไขการกระทำอันไม่เหมาะสมและที่ผิดกฎหมายของผู้บริหารชุดเดิมของบงล. ซิทก้า และซิทก้า ลิสซิ่ง แต่ ปรส.กลับไม่ให้ความร่วมมือแต่ประการใด ปรส.กำลังใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยการทำหน้าที่ เป็นผู้ตัดสินทางกฎหมายในการตัดสินข้อขัดแย้งทางธุรกิจระหว่าง เอสแอลซี เอ็มบีไอเอ แบงเกอร์ ทรัสต์ และทิสโก้ ลิสซิ่ง ทั้งๆ ที่ความขัดแย้งนี้ยังไม่ได้รับการตัดสินชี้ขาดจากศาล"
มร.คาแซนท์ซิสกล่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของปรส.อาจจะไม่ทราบว่าผู้บริหารระดับกลางของปรส.นั้นไม่ได้ปฏิบัติตนเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับประชาชนชาวไทย และไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ของปรส. ด้วยความโปร่งใสและเหมาะสมในฐานะองค์กรรัฐที่ดี โดยออกคำประกาศและคำแถลงการณ์ลงในหนังสือพิมพ์โจมตีเอสแอลซี
"ข้อพิพาทนี้ไม่เกี่ยวกับปรส. การกระทำของปรส. ในกรณีนี้จะยิ่งทำให้ผู้เช่าซื้อและนักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่น รวมทั้งเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของภาคการเงินของประเทศไทย"
เอสแอลซีกล่าวถึง แผนที่จะดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายเพื่อปกป้องตัวบริษัทเองจากผลที่เกิดจากคำประกาศทางสื่อมวลชนที่ได้สร้างความสับสนของเอ็มบีไอเอ ทิสโก้ ลิสซิ่ง และบงล. ซิทก้า รวมทั้งให้บริษัททั้งหมดยุติการลงโฆษณาดังกล่าวนี้ พร้อมกับถอนคำกล่าวของตน เอสแอลซีต้องการให้เอ็มบีไอเอ และบงล.ซิทก้า ยอมรับว่าสัญญาที่ทำไว้กับเอสแอลซีทั้งสองฉบับยังคงมีผลบังคับใช้จนกว่าปัญหาเหล่านี้จะได้รับการชี้ขาดจากศาล นอกจากนี้ เอสแอลซีจะยื่นฟ้องทางกฎหมายต่อบุคคลใดๆ ที่ลงประกาศทางสื่อมวลชน และแก่สาธารณชนว่าเอสแอลซีได้ถูกถอนสิทธิ์และไม่สามารถเก็บเงินค่างวดเช่าซื้อได้อีกต่อไป
"เอสแอลซีจะคอยติดต่อกับลูกค้าของเราและชี้แจงให้ลูกค้าทุกท่านทราบถึงจุดยืนทางกฎหมายของเอสแอลซี ลิสซิ่ง ในฐานตัวแทนเก็บเงินค่างวด เราจะทำให้พวกเขาเข้าใจว่าเรากำลังปกป้องสิทธิประโยชน์ของพวกเขาและสร้างความเชื่อมั่นว่าลูกค้าทุกท่านจะได้รับสมุดทะเบียนรถเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าซื้อ"
มร.คาแซนท์ซิสกล่าวและเสริมว่า เราจะขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของปรส. และกระทรวงการคลังในการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวเนื่องจากปัญหานี้อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อการลงทุนของชาวต่างชาติในอนาคตซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นสภาพการเงินของไทย”
สอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:ดวงกมล อิศรพันธุ์ เบอร์สัน มาร์สเตลเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โทรศัพท์ 252-9871-7 แฟ็กซ์ 254-8353--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO