กรุงเทพ--20 พ.ย.--กทม.
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตมีนบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานและติดตามผลการปฏิบัติงานตามงบประมาณของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากการที่กทม. ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลต่ำกว่าประมาณการถึง 3 พันล้านบาท ทำให้งบประมาณปี 2541 ของกทม. เกิดปัญหางบฯ รายรับต่ำกว่าที่สภาได้พิจารณาไปแล้วถึง 10% แต่อย่างไรก็ดีการจัดเก็บรายรับของกทม. ในปี 40 เพื่อจะนำไปใช้เป็นงบฯ ปี 41 จากข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ดูแนวโน้มแล้วยังเป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้นงบปี 41 ในส่วนที่เป็นปัญหาจะเกิดจากการที่กทม. ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่ต่ำลง ซึ่งกทม. ต้องจัดหางบฯ เพิ่มอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามประมาณการรายรับ กทม.จึงจำเป็นต้องชะลอโครงการในปี 41 โดยนำโครงการที่จำเป็นเร่งด่วนมาดำเนินการก่อน ด้วยวิธีการประกวดราคา หรือจัดจ้าง ส่วนโครงการที่ยังไม่จำเป็นเร่งด่วน อาจจะดำเนินการใกล้สิ้นปีงบฯ 41 หรือยกยอดไปดำเนินการในงบฯ ปีต่อไป หรืออาจจะยกเลิกโครงการ
นายวิชาญ กล่าวต่อไปว่า สำหรับเงินสะสมของกทม. ปัจจุบันมีจำนวนเงินกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว จำเป็นต้องเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เช่น มีน้ำท่วมฉับพลัน อัคคีภัย เป็นต้น ส่วนเงินคงคลังซึ่งกทม. มีอยู่จำนวน 1,000 ล้านบาท จำนวนนี้ก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน เพราะเป็นเงินตามกฏหมายที่ระบุไว้ว่า กทม. ต้องมีเงินคงคลังไว้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ดังนั้นทางคณะกรรมการฯ จึงได้ทำหนังสือขอให้ผู้บริหารทบทวนในเรื่องการใช้จ่ายเงินงบประมาณ โดยเฉพาะเงินเหลื่อมปี เนื่องจากเงินเหลื่อมปีของกทม. ที่ได้ขอกันไว้ตั้งแต่ปี 2533-2539 รวมแล้วมีจำนวน 5,652,946,641 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นยอดเงินที่ไม่สามารถนำไปใช้จ่ายในเรื่องอื่นได้ โดยสาเหตุที่แต่ละหน่วยงานไม่สามารถใช้จ่ายงบฯ ทันได้ เนื่องจากติดอุปสรรคเรื่องการรื้อย้ายสาธารณูปโภค การเวนคืนที่ดิน และการรื้อย้ายบ้านเรือนประชาชน ทางคณะกรรมการฯ เห็นว่ามีหลายโครงการที่สามารถปรับลดจำนวนเงินลงได้ โดยตัดทอนเนื้องานที่มีปัญหาอุปสรรค และยกเลิกในส่วนของสัญญานั้นออก หรือถ้าตรวจสอบเนื้องานทั้งหมดได้ เช่น การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ก็จะสามารถชะลอโครงการไว้ และนำเงินที่ใช้จ่ายในส่วนนี้ไปใช้ในส่วนอื่นก่อนได้ วิธีการดังกล่าวจะทำให้นำงบฯ ที่กันเป็นเงินเหลื่อมปี เป็นจำนวนเงินไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท นำมาใช้จ่ายในช่วงสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันได้ โดยในสัปดาห์หน้าทางคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยฝ่ายบริหาร และบริษัทผู้ประกอบการจะไปดูรายละเอียดเนื้องานของสำนักการระบายน้ำ เพื่อรับทราบความคืบหน้าของการใช้จ่ายงบฯ ว่า สอดคล้องกับเนื้องานหรือไม่ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาปรับลดจำนวนเงิน อย่างไรก็ดีในการพิจารณาปรับลดจำนวนเงินของแต่ละโครงการจะไม่ให้มีผลกระทบกับเนื้องานหลัก--จบ--