กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท (SPI071A) ของ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็น “A+” จากเดิมที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ในขณะเดียวกันได้ปรับลดอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกัน 850 ล้านบาท (PRK081A) ของ บริษัท พรีเมียร์ รีสอร์ท กระบี่ จำกัด เป็น “BB+” จากเดิมที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ”
ทริสเรทติ้งรายงานว่าอันดับเครดิตของของบริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง สะท้อนสถานะทางการเงินของบริษัทที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง ฝ่ายบริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ยาวนาน และความเป็นผู้นำในธุรกิจหลักของกลุ่ม อันได้แก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เสื้อผ้าสำเร็จรูป และเครื่องสำอาง นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงนโยบายการลงทุนที่ระมัดระวังของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนอันเนื่องมาจากสภาวะการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงของอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหาร และโครงสร้างการลงทุนที่ซับซ้อนของกลุ่มสหพัฒน์ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความมั่นคงทางธุรกิจและการเงินของบริษัท โดยที่รายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอจากเงินปันผลจากธุรกิจที่หลากหลายในสินค้าอุปโภคและบริโภคจะยังคงเป็นกระแสเงินสดหลักสำหรับบริษัทในระยะปานกลางถึงระยะยาวต่อไป
ส่วนอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันของบริษัทพรีเมียร์ รีสอร์ท กระบี่ ที่ลดลงนั้นเป็นผลจากการที่บริษัทมีสภาพคล่องในระดับต่ำและการคาดการณ์ว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 2548 และปี 2549 จะต่ำกว่าที่ทริสเรทติ้งเคยคาดไว้เป็นอย่างมากจากผลกระทบบางส่วนของพิบัติภัยสึนามิเมื่อเดือนธันวาคม 2547 เนื่องจากบริษัทมีแหล่งรายได้เกือบทั้งหมดมาจากโรงแรมเพียงแห่งเดียวคือโรงแรมรายาวดี ดังนั้นการที่โรงแรมมีอัตราการเข้าพักที่ลดลงอย่างมากจึงมีผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของบริษัทโดยเฉพาะสภาพคล่อง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังคำนึงถึงการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจโรงแรมและลักษณะที่เป็นวงจรของธุรกิจโรงแรมที่ถูกกระทบได้ง่ายจากปัจจัยภายนอก อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงคุณภาพในระดับสูงของโรงแรมของบริษัท นอกจากนี้ การที่หุ้นกู้มีหลักประกันที่เพียงพอและมีเงื่อนไขที่ดูแลรักษากระแสเงินสดของผู้ถือหุ้นกู้ถือเป็นปัจจัยเสริมสถานะอันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าว ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงการที่บริษัทจะอยู่ในภาวะที่มีสภาพคล่องค่อนข้างต่ำในระยะ 12 เดือนข้างหน้า หากบริษัทไม่สามารถหาแหล่งเงินมาเพื่อใช้เพิ่มสภาพคล่องสำรองได้ภายในเดือนมีนาคม 2548 อันดับเครดิตจะปรับลดลงอีก อย่างไรก็ตาม หากบริษัทสามารถแก้ปัญหาเรื่องการขาดสภาพคล่องได้ และผลประกอบการของบริษัทกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อันดับเครดิตก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--