กรุงเทพ--15 ธ.ค.--ททท.
ผู้ว่าการ ททท.เผยข้อเท็จจริงเรื่องกะเหรี่ยงคอยาว หลังหนังสือพิมพ์ประเทศอังกฤษตีพิมพ์บทความประเทศไทยใช้ "สวนสัตว์มนุษย์" ส่งเสริมการท่องเที่ยว ระบุเป็นเรื่องของนักธุรกิจบางกลุ่มที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์โดยอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย พร้อมยืนยัน ททท.และจังหวัดเจ้าของพื้นที่ไม่มีนโยบายดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยการละเมิดสิทธิมนุษยชน
นายเสรี วังส์ไพจิตร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่มีสื่อมวลชนไทยนำเสนอข่าวจากหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ ของประเทศอังกฤษ ที่ระบุว่านักธุรกิจของประเทศไทยใช้กะเหรี่ยงคอยาว เป็นจุดขายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการรณรงค์โครงการ Amazing Thailand 1998-1999 โดยยืนยันว่า ททท. ไม่มีนโยบายใช้กะเหรี่ยงคอยาวซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่ลี้ภัยสงครามจากประเทศพม่ามาส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย และเมื่อสอบถามข้อเท็จจริงไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของ ททท. คือ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. ภาคเหนือเขต 1 รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ก็ได้รับการชี้แจงว่าเดิมกะเหรี่ยงคอยาวเป็นกลุ่มบุคคลผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบในประเทศพม่า ซึ่งทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ให้อาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว 3 แห่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด โดยให้ความดูแลตามพันธกิจขององค์การสหประชาชาติ และตามหลักมนุษยธรรมมาตลอด อย่างไรก็ตามได้มีนักธุรกิจท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งหลอกลวงนำกะเหรี่ยงคอยาว ออกจากพื้นที่ไปยังอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและเก็บเงิน โดยอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการสงเคราะห์ดูแลกะเหรี่ยงคอยาว
ผู้ว่าการ ททท.กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ให้จังหวัดเชียงใหม่แจ้งผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวดังกล่าวนำกะเหรี่ยงคอยาวส่งคืนจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ผู้ประกอบการได้อ้างว่ากะเหรี่ยงคอยาวกลุ่มนี้ เป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอยู่ในความดูแลของจังหวัดเชียงใหม่ และได้รับการผ่อนผันเรื่องการทำงานของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2539 และ 2 กรกฎาคม 2539 ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงยืนยันกับจังหวัดเชียงใหม่ว่าเป็นกะเหรี่ยงคอยาวที่อยู่ในความดูแลของจังหวัดแม่ฮ่องสอนจริง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสั่งยกเลิกใบอนุญาตที่ผ่อนผันให้คนต่างด้าวทำงานรวมทั้ง ได้ยื่นฟ้องเพื่อดำเนินคดีกับนักธุรกิจกลุ่มดังกล่าว ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ในส่วนของจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงใหม่ ทางผู้ว่าราชการของทั้ง 2 จังหวัดได้ยืนยันว่าทางจังหวัดไม่มีนโยบายจะใช้กลุ่มกะเหรี่ยงคอยาวส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด ในทางตรงกันข้ามยังได้พยายามดำเนินคดีกับกลุ่มกะเหรี่ยงคอยาวเพื่อให้กฎหมายคงความศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังไม่ประสงค์ให้ผู้ใดใช้ช่องว่างของกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีไปแสวงหาผลประโยชน์อันไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังแจ้งด้วยว่าได้เชิญเจ้าหน้าที่กงศุลใหญ่แห่งสหประชาชาติจำนวน 9 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน เข้าเยี่ยมชมศูนย์พักพิงชั่วคราวของผู้ลี้ภัยและได้รับการชื่นชมการปฎิบัติงานของจังหวัดที่ได้ปฎิบัติตามพันธกิจของสหประชาชาติด้วยดี
นายเสรีกล่าวย้ำในตอนท้ายว่าการรณรงค์เผยแพร่โครงการปีท่องเที่ยวไทย 2541-2542 หรือ Amazing Thailand 1998-1999 นั้น ททท. มีแนวทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และตระหนักดีถึงการอนุรักษ์คุณค่าของแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนขนธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิต และสิทธิมนุษยชนของคนในท้องถิ่น ซึ่งเป็นแนวทางในการยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้มีคุณภาพเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน จึงหวังว่าการชี้แจงข้อมูลทั้งหมดในเรื่องดังกล่าว จะสามารถสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับสาธารณชนถึงนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท.ได้ดียิ่งขึ้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ จุรี เพ็ชรรัตน์ กัญญารัตน์ น้อยจันทร์ และคงเกียรติ ชุณหรัชพันธุ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการ Amazing Thailand 1998-1999 บริษัท คิธ แอนด์ คินฯ จำกัด โทร. 663-3226-9 แฟกซ์. 259-8943--จบ--