กรุงเทพ--17 มิ.ย.--กรมการขนส่งทางบก
นายพงศกร เลาหวิเชียร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากภายในบริเวณท่าอากาศยานกรุงเทพ มีจำนวนรถแท็กซี่มิเตอร์เข้าไปบริการผู้โดยสารเป็นจำนวนน้อย และมักจะมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มจากมาตรค่าโดยสาร ทั้งนี้เป็นเพราะการเข้าไปให้บริการภายในท่าอากาศยานกรุงเทพ ต้องเสียเวลาในการจอดรถผู้โดยสาร ค่าโดยสารตามมิเตอร์จึงไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป ผู้ขับรถแท็กซี่มิเตอร์จึงไม่นิยมไปจอดรถให้บริการ ซึ่งทำให้ผู้โดยสารทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศที่ต้องการใช้บริการแท็กซี่มิเตอร์ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก
กรมขนส่งทางบกจึงได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง พิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวในหลายแนวทาง โดยเฉพาะในส่วนที่กรมขนส่วงทางบกรับผิดชอบ คือ การพิจารณาอัตราค่าบริการพิเศษเพิ่มเติม (ค่าเซอร์ชาร์จ) สำหรับแท็กซี่มิเตอร์ที่เข้ารับผู้โดยสารในบริเวณท่าอากาศยานกรุงเทพในอัตราที่เหมาะสม ซึ่งขณะนี้นายอร่าม โลห์วีระ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามในประกาศกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2540 เรียบร้อยแล้ว โดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 11 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 26 (พ.ศ.2539) ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ในการกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้าง กรณีการจ้างจากภายในบริเวณท่าอากาศยานกรุงเทพ ณ จุดที่ได้จัดไว้เป็นการเฉพาะให้มีอัตราเพิ่มขึ้นจากที่แสดงไว้ในมาตรค่าโดยสารอีก 50 บาท ทั้งนี้ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับประกาศทั่วไปเล่ม 114 ตอน 53 ง. โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2540 เป็นต้นไป
นายพงศกรฯ กล่าวว่า ค่าบริการพิเศษเพิ่มเติม 50 บาทนี้ คิดว่าเป็นราคาที่เหมาะสม และจากการสอบถามผู้โดยสารหรือผู้ขับรถแท็กซี่มิเตอร์ ราคา 50 บาทนี้เป็นราคาที่ยอมรับได้ทั้ง 2 ฝ่าย และคาดว่าจะได้รับความนิยมจากผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ เพื่อให้การบริการแท็กซี่มิเตอร์ในบริเวณท่าอากาศยานกรุงเทพ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จะมีการจัดหน่วยประสานงานระหว่างการท่าอากาศยานกรุงเทพ, กรมขนส่งทางบก และตำรวจจราจร เพื่อควบคุมดูแลและจัดระเบียบการรับ-ส่งผู้โดยสาร ณ ที่กำหนด โดยผู้ขับรถแท็กซี่มิเตอร์ทุกคนต้องกรอกแบบฟอร์มการรับ-ส่ง ผู้โดยสารทุกครั้ง ทั้งนี้ จะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัยในการใช้บริการยิ่งขึ้น--จบ--