กรุงเทพ--20 พ.ย.--ปตท.
นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองผู้ว่าการแผนและพัฒนาองค์กรการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะมนตรี ว่าด้วยความร่วมมือด้านปิโตรเลียม ของกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Council On Petroleum หรือ ASCOPE) ประจำปี 2541 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ได้เห็นชอบที่จะร่วมมือกันดำเนินโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเชื่อมอาเซียน (Trans-ASEAN Gas Pipeline หรือ TAGP) และมีมติให้จัดตั้งคณะทำงานโครงการฯ ขึ้น (TAGP Taskforce) เพื่อทำหน้าที่กำหนดและพัฒนาขอบเขตของโครงการ ตลอดจนศึกษาความเป็นไปได้ในเชิงเศรษฐศาสตร์ ซึ่งจะนำมาเสนอความคืบหน้าในการประชุมแอสโคปครั้งต่อไป ที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายน 2542 ณ กรุงฮานอยประเทศเวียตนาม
การประชุมสมาชิกคณะมนตรีว่าด้วยความร่วมมือด้านปิโตรเลียมประจำปี 2541 หรือ แอสโคป 1998 ดังกล่าวจัดขึ้นที่ประเทศไทย โดยมี ปตท.เป็นเจ้าภาพ มีผู้เข้าร่วมประชุมจากกลุ่มสมาชิกทั้งหมด 7 ประเทศได้แก่ ไทย บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และ เวียตนาม โดยในปีนี้ มีประเทศลาวเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ทั้งนี้สาระสำคัญของการประชุม ได้เน้นเรื่องวิสัยทัศน์ด้านพลังงานของอาเซียนในปี ค.ศ. 2020 ซึ่งเป็นการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงาน และสาธารณูปโภค โดยในส่วนของโครงการท่อก๊าซธรรมชาติเชื่อมอาเซียนนี้ ที่ประชุมเห็นว่าจะเป็นโครงการที่ช่วยส่งเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของอาเซียนในอนาคต
อนึ่ง โครงการท่อส่งก๊าซฯไทย-มาเลเซีย (Thailand-Malaysia Joint Development Ares หรือ JDA) นับเป็นหนึ่งในแผนงานของโครงการ TAGP เช่นกัน โดยโครงการ JDA นี้ เป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง ปตท. กับ เปโตรนาส (บริษัทน้ำมันแห่งชาติ มาเลเซีย) ในอัตราส่วน 50:50 เพื่อศึกษาและใช้ประโยชน์จากพื้นที่พัฒน่าร่วมบนไหล่ทวีปในอ่าวไทยซึ่งในปัจจุบันนี้ยังอยู่ในระหว่างการศึกษารายละเอียดผลกระทบสิ่งแวดล้อม--จบ--