ส.อาหารสัตว์วอนรัฐเร่งประกาศนำเข้าข้าวโพด หวั่นอุตสาหกรรมวิกฤติ

กรุงเทพ--17 เม.ย.--ส.อาหารสัตว์
นายประสิทธิ์ ดำรงชิตานนท์ นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังคงมีทิศทางการปรับตัวที่เพิ่มสูงขึ้น โดยข้าวโพดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เวลานี้มีราคาเฉลี่ยที่กิโลกรัมละ 4.55-4.65 บาท สูงกว่าราคาเป้าหมายนำที่รัฐบาลกำหนดไว้ ซึ่งผู้ประกอบการในวงการปศุสัตว์เองยังคงรอการประกาศการนำเข้าอย่างเป็นทางการของรัฐบาล ตามที่มติคณะกรรมการกลั่นกรองฝ่ายเศรษฐกิจเห็นควรให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 0 จำนวน 200,000 ตัน ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2540
"ผลผลิตข้าวโพดในประเทศจะมีเพียงพอกับความต้องการใช้จริงทั้งระบบหรือไม่ จะติดตามได้จากราคาภายในประเทศขณะนั้นว่า จะขยับสูงขึ้นจากปัจจุบันหรือไม่ในระดับใด ซึ่งเวลานี้ก็เหลือเพียง 2 เดือนครึ่ง หากมีการประกาศนำเข้าออกมาในช่วงนี้ นับเป็นเวลาที่ค่อนข้างจำกัดและบีบรัดมาก ขณะนี้ทุกฝ่ายมีความกังวลใจว่า ปริมาณข้าวโพดจะมีเพียงพอกับความต้องการใช้จนถึงฤดูใหม่ ซึ่งจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้หรือไม่ เนื่องจากเกรงว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ หากว่าปริมาณการนำเข้า มีไม่พอใช้" นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย กล่าว
นายประสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ตนมั่นใจว่า ทางราชการคงจะพิจารณาถึงความเหมาะสมเพื่อไม่ให้ทุกฝ่ายต้องได้รับผลกระทบ ซึ่งเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางสมาคมฯ ได้ยื่นเรื่องการจัดสรรนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ต่อกรมการค้าภายในเรียบร้อยแล้ว โดยแหล่งนำเข้าที่น่าสนใจที่สุดในขณะนี้ คือ ประเทศอาร์เจนตินา ไม่ว่าจะเป็นด้านราคา หรือระยะเวลาการเดินทาง
หากสั่งข้าวโพดจากอาร์เจนตินาในช่วงนี้ (กลางเดือนเมษายน) จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 วัน รวมระยะเวลาการจองเรือ การขนสินค้าอีก 15-20 วัน เท่ากับว่า ต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ข้าวโพดนำเข้าจึงจะมาถึงประเทศไทย หมายความว่า สินค้าจะเข้ามาอย่างเร็วก็ประมาณกลางเดือนมิถุนายน กำหนดระยะเวลานำเข้าภายในวันที่ 30 มิถุนายน ศกนี้ จึงเป็นเวลาที่จำกัดมาก เพราะหากทุกฝ่ายรับทราบแล้วจะมีเวลาในการดำเนินการเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น
นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มราคาในช่วงสั้น ๆ อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากว่าจริง ๆ แล้ว ปริมาณการนำเข้าข้าวโพดสำหรับฤดูการผลิต 96 / 97 น่าจะไม่น้อยกว่า 300,000 ตัน แต่ปริมาณที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้านี้ก็คงพอจะบรรเทาสถานการณ์ความต้องการได้บ้าง เพราะกว่าผลผลิตฤดูใหม่จะออกสู่ตลาดต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 4 เดือน จึงคาดหวังว่า หากเกิดภาวะวิกฤติขึ้นในส่วนของความต้องการที่มีเพิ่มเติม รัฐบาลจะพิจารณาเพิ่มเติมให้ และที่สำคัญคือ มีเวลาเพียงพอสำหรับดำเนินการ--จบ--