กรุงเทพ--13 ม.ค.--กทม.
คณะทำงานเพื่อพิจารณาปัญหาหาบเร่-แผงลอยย่านคลองถม ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการกรุงเทพมหานคร และตัวแทนผู้ค้าบริเวณคลองถม ร่วมประชุมหาแนวทางขจัดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้องประชุมสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย นายสุทิน สังข์มงคล รองปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเพื่อพิจารณาปัญหาหาบเร่-แผงลอย ย่านคลองถม เป็นประธานการประชุมหารือกำหนดขอบเขตการศึกษาปัญหาผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย ในย่านคลองถม เพื่อกำหนดแนวทางในการสำรวจข้อมูลสภาพการค้าขาย ว่ามีผลกระทบในเรื่องใดบ้าง และจะมีแนวทางแก้ปัยหาอย่างไร โดยรองปลัดกรุงเทพมหานคร และจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร โดยรองปลัดกรุงเทพมหานครกล่าวว่า สืบเนื่องจากสำนักงานเขตป้องปราบศัตรูพ่าย ได้มีประกาศลงวันที่ 12 ธันวาคม 2540 เรนื่องห้ามตั้งวางหาบเร่-แผบงลอย บริเวณย่านคลองถมและบริเวณรอบโรงพยาบาลกลาง รวมทั้งบริเวณใกล้เคียง โดยจะดำเนินการผลักดันผู้ค้า ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2541 เป็นต้นไป ซึ่งปรากฏว่าเมื่อวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม 2540 ที่ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ รวมตัวกันขอความเป็นธรรมและขอให้ผู้บริหารกรุงเทพมหานครทบทวนการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งปลัดกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ 4959/2540 ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2540 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาและศึกษาปัญหาผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย นอกจุดผ่อนผันไปยย่านคลองถมเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ในส่วนที่มีผลกระทบต่อความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยและความเป็นอยู่ของประชาชนย่านนั้น สำหรับการประชุมคณะทำงานนัดแรกนี้ได้ร่วมกันหารือกำหนดขอบเขตของการศึกษาปัญหาหาบเร่-แผงลอย ในย่านคลองถม เพื่อให้การสำรวจข้อมูลเป็นไปแนวทางเดียวกัน
นายสุพจน์ ภู่พันธ์ศรี กล่าวเพิ่มเติมถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้ค้าหาบเร่-แผงลอย ว่า จะต้องมีการสำรวจข้อมูลจากสถานที่จริง เพื่อให้คณะทำงานได้ข้อมูลที่แท้จริง ดังนั้น คณะทำงานฯ จึงร่วมกันกำหนดแนวทางในการสำรวจข้อมูลและผลกระทบด้านต่างๆ รวม 4 ข้อ คือ ผลกระทบต่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาดของชุมชน ผลกระทบต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน และผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของส่วนราชการในย่านคลองถม เมื่อได้ข้อมูลผลกระทบดังกล่าวแล้ว จะมีการนัดประชุมพิจารณาอีกครั้งที่สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยผลการประชุมจะเสนอผู้บริหารกรุงเทพมหานครพิจารณาหาแนวทางแก้ไขให้ดีที่สุด ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สุขของทุกฝ่าย รวมถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองด้วย--จบ--