วิคแอนด์ฮุคลันด์โชว์ศักยภาพ ไม่สะเทือนยามเศรษฐกิจซบ ไม่ถึงปีทำยอดขายเข้าเป้าแล้ว เตรียมบุกต่อโปรเจ็กต์รัฐ

พุธ ๒๓ กรกฎาคม ๑๙๙๗ ๑๔:๐๓
กรุงเทพ--23 ก.ค.--วิค แอนด์ ฮุคลันด์
รายงานการวิเคราะห์หลักทรัพย์จากนวธนกิจชี้ วิคแอนด์ฮุคลันด์ไม่กระทบเศรษฐกิจซบ กำยอดขายในมือปีนี้แล้ว 565 ล้านบาทตามเป้า ไม่รวมที่มีแนวโน้มจะขายได้เพิ่มอีก 382 ล้าน เผยมีผลกระทบจากค่าเงินบาทลอยตัวบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเพราะเตรียมตัวพร้อมมาก่อนหน้าแล้ว พื้นฐานดีน่าลงทุน และกำไรต่อหุ้นปีนี้น่าจะอยู่ประมาณ 5.33 บาท ในขณะที่ยืนนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม
นางอ้อยทิพย์ ศิริอำพันธ์กุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.วิค แอนด์ ฮุคลันด์ กล่าวว่า รายงานการวิเคราะห์หลักทรัพย์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์นวธนกิจได้กล่าวถึงหุ้นวิค แอนด์ ฮุคลันด์ (KWH) ว่า จากสภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่อยู่ในช่วงซบเซา ทำให้เกือบทุกธุรกิจได้รับผลกระทบกันอย่างถ้วนหน้าแต่สำหรับบริษัทฯ ซึ่งทำธุรกิจในด้านการสนับสนุนกิจการ สาธารณูปโภคพื้นฐาน คือการผลิตท่อ HDPE และ PP นั้น กลับได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะสินค้าของบริษัทฯ ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกมาก โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยรวม 15-20 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และปัจจุบัน บริษัทฯ ก็ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดถึง 61 เปอร์เซ็นต์ ทิ้งคู่แข่งอันดับสองที่ครองตลาดเพียง 14 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ด้านการขายในปีนี้ บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้แล้ว 565 ล้านบาทตามที่ประมาณการณ์ไว้ โดยเหตุที่บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบด้านนี้ เพราะว่าเป็นโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของหน่วยงานภาครัฐ ที่ไม่อาจจะหยุดหรือชะลอโครงการไว้ได้ โดยลูกค้าสำคัญ ๆ ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาค, กรมชลประทาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโครงการของกระทรวงสาธารณสุข, กรมประมง และการประปาส่วนภูมิภาค ที่จะใช้งบประมาณรวมกันอีกกว่า 382 ล้านบาท ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีแนวโน้มที่จะได้รับการพิจารณานำมาใช้อีกด้วย
เกี่ยวกับนโยบายการปล่อยค่าเงินบาทลอยตัวของรัฐบาลนั้น บริษัทฯ ได้รับผลกระทบบ้าง แต่ไม่มากมายอะไรเพราะได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว เนื่องจากคาดการณ์ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น โดยบริษัทฯ ได้ทยอยจ่ายคืนเงินกู้ต่างประเทศไปแล้ว และปัจจุบันมีเงินกู้ต่างประเทศน้อยมาก ส่วนผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น คาดว่าอาจทำให้กำไรสุทธิลดลงบ้างประมาณ 8.4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนต้นทุนวัตถุดิบที่จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการต้องนำเข้าจากต่างประเทศนั้น บริษัทฯ ก็ได้หันมาใช้เม็ดพลาสติกจากผู้ผลิตในประเทศซึ่งได้มาตรฐานของบริษัทฯ เพิ่มมากขึ้น จนเป็นวัตถุดิบส่วนใหญ่ในการผลิตแล้ว และบริษัทฯ ก็ยังคงคุณภาพได้ตามมาตรฐาน ISO 9002 และ 9003 ที่ได้รับมาด้วย นอกจากนี้ แนวโน้มการลดภาษีนำเข้าเม็ดพลาสติกเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และจะลดลงไปอีกตามกรอบข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน จะทำให้ค่าใช้าจ่ายส่วนนี้มาชดเชยกับค่าเงินบาทที่ลดลงได้
รายงานของฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ ยังได้ให้ความเห็นว่า วิค แอนด์ ฮุคลันด์ เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี แนะให้ลงทุนได้ ด้วยปัจจัยบวกที่สรุปได้ว่า การเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจนี้ คือ ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ และตลาดนี้จะมีอัตราการเติบโตโดยรวม 15-20 % ต่อปีไปจนถึงปี 2543 ทีเดียว คาดการณ์โดยรวมแล้ว ในช่วงระหว่างปี 2540-2543 รายได้ของบริษัทฯ น่าจะเติบโตในระดับ 13.1% ต่อปีขึ้นไป โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานเติบโตอยู่ที่ระดับ 17.3 % ต่อปี และผลตอบแทนต่อหุ้นเติบโตในระดับ 18.6% ต่อปี นอกจากนี้ วิค แอนด์ ฮุคลันด์ ยังมีจุดแข็งที่เป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับการสร้างสาธารณูปโภคของภาครัฐบาล ซึ่งยังมีความต้องการผลิตภัณฑ์ท่อ HDPE อีกมาก สังเกตได้จากการเพิ่มกำลังการผลิตที่ต้องเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึง 14,500 ตันต่อปี อันจะสามารถรองรับความต้องการในประเทศได้ถึงปี 2542 และด้านงบการเงิน คาดว่า วิค แอนด์ ฮุคลันด์มีกระแสเงินสดที่เหลือจากการดำเนินงานไหลเวียนเพิ่มขึ้นราว 44.9% ต่อปี คือจาก 28 ล้านบาทในปี 2539 เป็น 122 ล้านบาทในปี 2543 ส่วนกระแสเงินสดไหลเวียนเพื่อการดำเนินงาน จะเติบโตในระดับ 21% ต่อปี เมื่อเทียบเป็นต่อหุ้นแล้ว จะเพิ่มจาก 3.4 บาทในปี 2539 เป็น 8.8 บาทในปี 2543 สรุปโดยรวมแล้ว แนะนำว่า วิค แอนด์ ฮุคลันด์เป็นหุ้นที่ใช้ซื้อลงทุนได้
บมจ.วิค แอนด์ ฮุคลันด์ เป็นหนึ่งในสาขาของ KHW Pipe Ltd. ประเทศฟินแลนด์ เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2523 และก่อตั้งบริษัทในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2526 โดยผลิตและจำหน่ายท่อและข้อต่อพลาสติกประเภท Polyethylene (PE) และ Polypropylene (PP) ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าว กำลังเป็นที่ต้องการในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับที่ประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆเลือกใช้ โดยท่อของบริษัทฯ เหมาะสำหรับเป็นท่อส่งน้ำประปา ท่อระบายน้ำ ท่อร้อยสายเคเบิ้ลต่าง ๆ และท่อเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษอีกหลายอย่าง เช่น ท่อส่งน้ำในทะเล ท่อส่งสารเคมีเป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ โดยได้รับการยกเว้นภาษี 7 ปี และได้รับอนุญาตให้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2539 โดยอยู่ในหมวดวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง ใช้อักษรย่อว่า KWH
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ คุณสาวิตร สาประเสริฐ บริษัท เบทส์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร.259-6730 ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์ บมจ.วิค แอนด์ ฮุคลันด์--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ