ไทยประสบผลสำเร็จในการปูฐานสุขภาพเยาวชนไทยเป็นแห่งแรกในภูมิภาค

พุธ ๐๓ ธันวาคม ๑๙๙๗ ๑๔:๕๑
กรุงเทพ--3 ธ.ค.--กระทรวงสาธารณสุข
ประเทศไทยประสบผลสำเร็จในการส่งเสริมสุขภาพ ในโรงเรียนเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เร่งขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในพ.ศ. 2544 และขยายออกสู่ประเทศในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า ปัจจุบันเยาวชนหลงไหล อาหารตะวันตกจนกลายเป็นค่านิยมโก้เก๋ทันสมัย โดยไม่รู้ว่าภัยร้ายกำลังเข้าใกล้ตัวทุกขณะ
เช้าวันนี้ ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กทม.นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดประชุมระหว่างประเทศ ที่อยู่ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวม 10 ประเทศ เพื่อความร่วมมือในการพัฒนางานส่งเสริมสุขภาพ และการสอนสุขศึกษาในโรงเรียนรูปแบบใหม่ ซึ่งจัดโดยองค์การอนามัยโลกว่าประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ ที่ริเริ่มดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพและการปรับปรุงรูปแบบ การสอนวิชาสุขศึกษาในโรงเรียนประสบผลสำเร็จ ซึ่งดำเนินงานโดยสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย และคณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ด้วยการจัดทำโครงการ "โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ" ขึ้น ทดลองนำร่องที่โรงเรียนในเขตกทม. 4 แห่ง เน้น 2 กลุ่มเป้าหมายคือ ระดับประถมศึกษาทำที่โรงเรียนประชานิเวศน์ และโรงเรียนพญาไท ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นทำที่โรงเรียนหอวัง และโรงเรียนเซนฟรัง ซิสซาเวีย คอนแวนต์ กิจกรรมส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็ก การสร้างสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนที่เอื้อต่อสุขภาพอาทิ การงดจำหน่ายน้ำอัดลม อาหารประเภทไขมันสูง เช่น ไก่ทอด พิซซ่า รวมทั้งการปรับวิธีการสอนวิชาสุขศึกษาให้มีเนื้อหาในเชิงทักษะเพื่อให้เด็กรู้จักการปฎิเสธอย่างมีเหตุผล ทั้งนี้เพื่อเป็นการปลูกฝังพฤติกรรม และค่านิยมที่ถูกต้องให้ติดตัวอย่างถาวรเมื่อเด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หลังดำเนินการเมื่อปี 2538-2539 พบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ องค์การอนามัยโลกได้เห็นด้วยกับวิธีการดังกล่าว และได้ให้ประเทศสมาชิกดำเนินการพร้อมกันโดยใช้ไทยเป็นต้นแบบ ในส่วนของประเทศไทยเองกระทรวงสาธารณสุขจะประสานกับกระทรวงศึกษาธิการพร้อมโดยใช้ไทยเป็นต้นแบบ ในส่วนของประเทศเองกระทรวงสาธารสุขจะประสานกับกระทรวงศึกษาธการเพื่อขยายผลให้ครอบคลุมโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งมีทั้งหมด 41,550 แห่ง นักเรียน 12.5 ล้านคน โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปี 2544 จะดำเนินการให้ได้มากกว่า 90%
นายรักเกียรติ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาสุขภาพของคนไทย มีแนวโน้มเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมมากขึ้น ที่เห็นชัดคือ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคอ้วน ซึ่งจะปรากฎอาการในวัยผู้ใหญ่ ขณะนี้มีรายงานป่วยปีละกว่า 1 ล้านราย เสียชีวิตปีละ 50,000 ราย ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเงินในการรักษา รวมทั้งการพึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่ราคาแพงเข้ามารักษาด้วย ดังนั้นในการแก้ไขที่ดีที่สุด จะต้องเริ่มต้นให้ความรู้ด้านนี้รวมทั้งปลูกฝังค่านิยมในการดำเนินชีวิตของคนไทยตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน ซึ่งจะเป็นหนทางที่ใช้การลงทุนต่ำ แต่ได้ผลคุ้มค่า
ทางด้านนายแพทย์หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทยกล่าวว่า ขณะนี้เยาวชนไทยนับว่าเป็นกลุ่มสำคัญที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการปลูกฝังค่านิยมแบบไทย ๆ เนื่องจากขณะนี้ทางด้านสื่อการโฆษณามีอิทธิพลอย่างกว้างขวาง โดยการทำงานการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคที่ดีที่สุด จะต้องเริ่มที่โรงเรียน แต่ละปีจะมีเยาวชนไทยตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนต้น อยู่ในโรงเรียนปีละ 12 ล้านคน และมีครูประมาณ 5-6 แสนคน รวมแล้วประมาณ 20% ของประชาชน ปัญหาขณะนี้มีอยู่ว่าทำอย่างไรจะไม่ให้เยาวชนไทยถลำเข้าไปใกล้สิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งการสอนวิชาสุขศึกษาในโรงเรียนที่ผ่านมาจำเป็นจะต้องได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ทันสถานการณ์ปัจจุบัน
นายแพทย์หทัย กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้เยาวชนไทยรู้จักอาหารตะวันตกประเภทฟาสฟู๊ด รู้จักพิซซ่า ไก่ทอดมากกว่าเด็กเมื่อ 20-30 ปีก่อน สิ่งเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญทำให้เกิดโรคสมัยใหม่ เมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่อายุ 30-40 ปี จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจ เป็นโรคมะเร็งมากขึ้น เนื่องจากเป็นอาหารที่มีไขมันสูง แม้แต่คนผอมหากกินอาหารเหล่านี้ไปมาก ๆ ก็จะมีไขมันในเส้นเลือดสูงได้เช่นเดียวกันกับคนอ้วน
นายแพทย์หทัย กล่าวต่อไปว่า จากการสำรวจค่านิยมของนักเรียนที่อยู่ในการโครงการนำร่อง 4 แห่งในกทม.ในระดับประถมศึกษารวม 445 คน ก่อนเริ่มโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ เด็กมีค่านิยมในการรับประทานไก่ทอด พิซซ่า ร้อยละ 27 หลังดำเนินการพบค่านิยมลดลงเหลือร้อยละ 7 ส่วนระดับมัธยม จำนวน 503 คน พบมีค่านิยมไก่ทอด พิซซ่า ร้อยละ 17 แต่หลังดำเนินการค่านิยมกลับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 23 ทั้งนี้เหตุที่ไม่ลดเพราะว่าเด็กรู้สึกว่าอาหารดังกล่าวเป็นเรื่องของความโก้เก๋ทันสมัย ส่วนการออกกำลังกาย พบว่าเด็กระดับประถมศึกษากระทำเป็นประจำมากกว่าเด็กมัธยมในอัตราร้อยละ 51 และ 20 ตามลำดับ ดังนั้นการพัฒนาการเรียนการสอนด้านสุขภาพในยุคต่อไปนี้ จะต้องสอนให้เด็กมีทักษะไปด้วย ทั้งนี้การส่งเสริมสุขภาพในโรงเรียนจะเป็นหนทางที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาผู้ป่วยล้นเตียง รวมทั้งกลุ่มโรคไม่ติดต่อในอนาคตได้สำเร็จอย่างแน่นอน--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version