สธ.ตรวจแล้วชุดชั้นในกินไม่ได้

ศุกร์ ๑๕ สิงหาคม ๑๙๙๗ ๑๐:๕๕
กรุงเทพ--15 ส.ค.--กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข โดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจวิเคราะห์ชุดชั้นใน สติกเกอร์ และถุงยางอนามัยที่โฆษณาว่ากินได้ ผลปรากฏว่า กินไม่ได้อย่างที่โฆษณา เพราะพบสีอินทรีย์สังเคราะห์ปริมาณสูงมาก และนอกจากนี้ยังพบสารปรอทปริมาณเกินมาตรฐานปนเปื้อนด้วย
นายสุนทร วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าตามที่มีข่าวโฆษณาขายชุดชั้นใน และถุงยางอนามัยกินได้เมื่อเดือน มิ.ย. 40 นั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ไปสุ่มตัวอย่างชุดชั้นในจากบริษัท ทาชินโด อินเตอร์ไพรส์ จำกัด ส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดำเนินการตรวจวิเคราะห์ จำนวน 3 ตัวอย่าง ได้แก่ เสื้อชั้นในและกางเกงในสีขาว (ฉลาก "Edible Undies Dessous Mangeable Made in U.S.A.") สติกเกอร์รูป ต้นไม้ นก หัวใจ สีส้ม เหลือง แดง และน้ำตาล (ฉลาก "LICKUM & STICKUM Tastee Tattoos Made in U.S.A.") และถุงยางอนามัยลักษณะเป็นแผ่นบางรูปสี่เหลี่ยมโค้งด้านบนประกบกัน สีแดง เหลือง ส้ม และชมพู (ฉลาก "Le'Sensuous Sheath Kandie Kondoms Condom Mangeable Made in U.S.A.") ผลการตรวจวิเคราะห์ปรากฏว่าไม่พบวัตถุกันเสีย (กรดเบนโซอิก กรดซอร์บิก) ในตัวอย่างทั้งสามแต่พบสีอินทรีย์สังเคราะห์หลายชนิดในตัวอย่างสติกเกอร์ และถุงยางอนามัยในปริมาณสูงมาก ถึงร้อยละ 2.1 และนอกจากนี้ยังพบสีห้ามใช้ผสมอาหารอีกด้วย ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 66 (พ.ศ. 2525) อนุญาตให้ใช้สีอินทรีย์สังเคราะห์ในอาหารได้ไม่เกินร้อยละ 0.007 เพราะถ้ารับประทานอาหารที่มีสีปริมาณมาก สีจะไปเคลือบตามเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้การดูดซึมอาหารมีประสิทธิภาพลดลง เกิดอาการท้องเสียอ่อนเพลีย น้ำหนักลด และหากได้รับระยะติดต่อกันนาน ๆ อาจเกิดอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ชีพจรและการหายใจอ่อน ถ้าเป็นมากประสาทและสมองเป็นอัมพาต และอาจเป็นมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง และที่อื่น ๆ ได้ และนอกจากนี้ยังพบสารปรอทปนเปื้อนในถุงยางอนามัย ชุดชั้นใน และสติกเกอร์ 0.50, 0.38 และ 0.15 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ตามลำดับ ประกาศฯ ฉบับที่ 98 (พ.ศ. 2529) กำหนดให้มีสารปรอทปนเปื้อนในอาหารไม่เกิน 0.02 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม พิษจากสารปรอททำให้เกิดอันตรายต่อระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายที่สำคัญก็คือจะทำลายระบบทางเดินหายใจและทำลายเนื้อเยื่อในปอดมีผลกระทบต่อระบบขัดถ่าย โดยจะทำลายไต นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม ประสาทหลอน หวาดระแวง และประสาทตาเสื่อม เป็นต้น
นายสุนทร วิลาวัลย์ กล่าวในตอนท้ายว่า จากผลการตรวจวิเคราะห์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่า วัตถุตัวอย่างทั้ง 3 ชนิด ไม่สามารถบริโภคได้ ฉะนั้นประชาชนไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงของสินค้าที่แปลก ๆ เพราะนอกจากจะเสียเงินไปโดยไม่ได้รับประโยชน์อะไรแล้วยังอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้--จบ--

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก