กรุงเทพ--13 มี.ค.--กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุขเตือนชาวไทยมุสลิมผู้แสวงบุญประกอบพิธีฮัจย์ประเทศซาอุดิอาระเบียควรเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพ หากมีโรคประจำตัวควรนำยาพกติดไปด้วยส่วนหน่วยพยาบาลไทยได้ออกเดินทางไปล่วงหน้า พร้อมให้บริการชาวไทยมุสลิมเป็นเวลา 53วันโดยไม่คิดมูลค่า
นายแพทย์ปรากรม วุฒิพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ส่งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จำนวน 14คนโดยมีนายแพทย์วิรุฬห์ พรพัฒน์กุล เป็นหัวหน้าคณะให้บริการรักษาพยาบาลแก่ชาวไทยมุสลิมผู้เดินทางไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะประเทศซาอุดิอาระเบียโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น มีกำหนดเวลาปฏิบัติงานเป็นเวลา 53วันตั้งแต่ 10 มีนาคม ถึง 1 พฤษภาคม 2541 โดยมีจุดปฏิบัติงานที่อาคารจัฟฟาลี ชั้น 1อาคารเดียวกับสำนักงานผู้แทนฮัจย์ทางการไทย ณ เมืองเมกกะ ซึ่งอยู่ใกล้สถานที่ประกอบพิธีฮัจย์มีธงชาติไทยติดให้เห็นชัดเจน เปิดให้บริการทุกวันตามเวลาราชการของประเทศ ซาอุดิอาระเบีย
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดหน่วยพยาบาลไทยไปอำนวยความสะดวกด้านการรักษาพยาบาลแก่ชาวไทยมุสลิมผู้แสวงบุญฯ ย่างเข้าปีที่ 41ประสบการณ์จากการทำงานแต่ละครั้งก็จะเสนอผู้บริหารถึงปัญหาอุปสรรคซึ่งจะได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้การทำงานมีความสะดวกคล่องตัวมากขึ้นเชื่อว่าหน่วยพยาบาลไทยมีความพร้อมและมีประสบการณ์ในการดูแลชาวไทยมุสลิมผู้แสวงบุญฯได้เป็นอย่างดี เพราะเจ้าหน้าที่ที่ส่งไปเคยเดินทางไปปฏิบัติงานแล้วหลายครั้ง บางคนถึง 10ครั้ง สามารถทราบปัญหา และพื้นที่ที่จะให้บริการเป็นอย่างดี ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดวัสดุอุปกรณ์ ครุภัณฑ์การแพทย์ตามความจำเป็นและโรคที่พบบ่อยอย่างเพียงพอ
จากข้อมูลการรักษาพยาบาลของหน่วยพยาบาลไทยในปี 2540ให้บริการ 31,450 ราย ส่วนมากเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ และที่พบบ่อยคือไข้หวัดใหญ่และมีโรคแทรกซ้อนร้ายแรงเช่น ปอดบวม รองลงมาเป็นโรคระบบทางเดินอาหาร ส่งต่อไปรักษาโรงพยาบาลของประเทศซาอุดิอาระเบีย 85 ราย กลุ่มอายุที่เจ็บป่วยมากอยู่ระหว่าง41 - 60 ปี สำหรับผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิมเสียชีวิต (เท่าที่ทราบ) 45 รายสาเหตุการป่วย-ตายคือ อยู่ในที่แออัดเป็นเวลานาน มีโรคประจำตัวเช่นโรคหัวใจโรคระบบทางเดินหายใจ โดยไม่ได้เตรียมยาประจำตัวไปด้วย เป็นต้นนอกจากนี้กฎหมายของประเทศซาอุดิอาระเบียระบุไม่ให้หน่วยพยาบาลต่างชาติรับคนไข้ในไว้ในสถานบริการหน่วยพยาบาลไทยจึงเตรียมอุปกรณ์ตามความจำเป็นที่เคยมีประสบการณ์มาหลายปีอย่างไรก็ตามหากมีคนไข้หนัก ทางประเทศซาอุดิอาระเบียได้อำนวยความสะดวกเตรียมโรงพยาบาลของรัฐไว้คอยบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เช่นกัน สำหรับหน่วยพยาบาลไทยนอกจากจะให้บริการที่จุดปฏิบัติงานแล้ว ยังจัดทีมออกไปตรวจเยี่ยมให้บริการรักษาพยาบาล ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ ให้คำปรึกษาต่างๆตามเต็นท์ ที่พัก ซึ่งกระจัดกระจายตามที่ต่างๆ ด้วย
จากประสบการณ์ที่ผ่านมามักพบว่าผู้เดินทางไปแสวงบุญส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัวส่วนมากจะกังวลและยุ่งในเรื่องการเดินทาง มักลืมเรื่องสุขภาพและยาประจำตัวกระทรวงสาธารณสุขจึงแนะนำให้ผู้ที่มีโรคประจำตัวได้เตรียมยานำติดตัวไปรับประทานด้วยเมื่อมีปัญหาจะได้หาทางช่วยเหลือได้ทัน นอกจากนี้ทางกระทรวงฯ ได้ทำเอกสารและคู่มือเผยแพร่เกี่ยวกับข้อแนะนำการรักษาสุขภาพในระหว่างการประกอบพิธีฮัจย์แผนที่แสดงที่ตั้งของหน่วยพยาบาลไทยให้กรมศาสนาและคณะกรรมการกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทยแจกจ่ายให้ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ต่อไป
สำหรับปีนี้คาดว่าจะมีชาวไทยเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียประมาณ 12,000คนซึ่งลดลงกว่าร้อยละ 50 จากปีที่แล้วทั้งนี้ผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูงขึ้นกว่าเดิมเกือบ 3 เท่ากระทรวงสาธารณสุขก็ลดจำนวนเจ้าหน้าที่จาก 24 คนในปีที่ผ่านมาเหลือ 14 คนซึ่งเพียงพอในการดูแลคนไทยผู้แสวงบุญ--จบ--
- ๒๓ พ.ย. กรมอนามัย ย้ำ ท้องถิ่นเร่งปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน หลังพบการปนเปื้อนแบคทีเรีย
- ๒๓ พ.ย. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พัฒนาคุณภาพการตรวจน้ำตาลสะสมในเลือด มาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพิ่มความแม่นยำในการรักษาเบาหวาน
- ๒๓ พ.ย. กระทรวงสาธารณสุข โดย กรมอนามัย ผนึกกำลัง 7 องค์กร ร่วมแถลงข่าวความร่วมมือการจัดประชุมสุขภาพช่องปากโลก วันที่ 26-29 พฤศจิกายน 2567