กรุงเทพ--26 มี.ค.--เอ็นพีซี
เอ็นพีซีสรุปผลการดำเนินงานปี 2540 ธุรกิจหลักเดินหน้าเต็มตัว โอเลฟินส์ ไฟฟ้า และไอน้ำ ยอดขายเพิ่มขึ้น ส่วนท่าเทียบเรือช่วยเสริมการส่งออกตามนโยบายรัฐบาลอย่าง ต่อเนื่อง ปี 2541 เน้นพัฒนาความสามารถขององค์การและบุคลากร เตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตชิงความเป็นผู้นำช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น
นายกมลชัย ภัทโรดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นพีซี เปิดเผยผลการดำเนินงานโครงการต่าง ๆ ภายในปี 2540 ดังนี้
*โอเลฟินส์และสาธารณูปการ
- เอ็นพีซีมีกำลังการผลิตโอเลฟินส์ทั้งหมด 528,000 ตันต่อปี แบ่งเป็นเอทิลีน 401,000 ตันต่อปี และโพรพิลีน 127,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ยังผลิตมิกซ์ซีโฟร์ 30,000 ตันต่อปี โดยภายในปี 2540 จำหน่ายให้กับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมขั้นต่อเนื่อง (Downstream) ได้ทั้งหมด เนื่องจากลูกค้าขยายปริมาณการส่งออกเพิ่มมากขึ้นถึง 40-50% ทำให้เอ็นพีซีมียอดขายโอเลฟินส์ในปี 2540 ประมาณ 470,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2539 ถึง 20,000 ตัน
- ในปี 2540 เอ็นพีซีได้จัดส่งไฟฟ้าเต็มกำลังการผลิต จำนวน 100 เมกะวัตต์ ให้กับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมขั้นต่อเนื่อง และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก หรือ เอสพีพี (Small Power Producer : SPP) ในระยะสัญญา 21 ปี
- เอ็นพีซีมีกำลังการผลิตไอน้ำ จำนวน 340 ตันต่อชั่วโมง จำหน่ายให้กับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมขั้นต่อเนื่องเช่นกัน
โดยเอ็นพีซีมีรายได้ปี 2540 ส่วนใหญ่จากการขายโอเลฟินส์และสาธารณูปการ รวม 8,805 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2539 จำนวน 2,513 ล้านบาท หรือ 40%
*ท่าเทียบเรือและคลังเก็บผลิตภัณฑ์
ท่าเทียบเรือส่วนขยายได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่กลางเดือนมกราคม 2540 เอ็นพีซีได้ให้บริการขนถ่ายเคมีภัณฑ์เหลวและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ ทั้งการนำเข้าและส่งออกแก่กลุ่มอุตสาหกรรมขั้นต่อเนื่องประ มาณ 341,000 เมตริกตัน โดยมีจำนวนเที่ยวเรือที่ผ่านท่าเทียบเรือเอ็นพีซีตลอดทั้งปีประมาณ 170 เที่ยว นอกจากนี้ ยังได้มีการก่อสร้างถังเก็บผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมให้กับลูกค้าอีก 2 ถัง จากปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งหมด 18 ถัง เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มาขอใช้บริการเพิ่มมากขึ้น รวมถึงบริษัท ไทยเอ็มซี จำกัด ซึ่งได้ลงนามบันทึกความเข้าใจให้บริการขนถ่ายผลิตภัณฑ์เมทานอล ปีละ 32,000 ตัน เป็นเวลา 15 ปี จะเพิ่มรายได้ให้เอ็นพีซีอีกกว่า 10 ล้านบาทต่อปี
เอ็นพีซีมีรายได้จากท่าเทียบเรือและบริการอื่น ๆ ของเอ็นพีซี และบริษัทย่อยรวม 833 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2539 จำนวน 243 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 41%
*ธุรกิจบริการ
ปี 2540 เอ็นพีซีได้ขยายขอบเขตการให้บริการครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยแบ่งตามประเภทของธุรกิจบริการได้ดังนี้
- บริการฝึกอบรมความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ให้บริการลูกค้ารอบบริเวณโรงโอเลฟินส์ โรงงานอุตสาหกรรมในระยองและลูกค้าในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ทางด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม บริการที่ปรึกษาการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน ISO 14001 บริการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ที่รับรองโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
- บริการด้านรัฐกิจสัมพันธ์ ให้บริการขอรับใบอนุญาต และขอใบรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทางด้านการลงทุนให้แก่บริษัทในเครือ บริษัทในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต่อเนื่อง และบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ซึ่งมีผู้สนใจขอรับบริการเพิ่มขึ้น
- บริการงานพิธีศุลกากร ให้บริการดำเนินงานพิธีการศุลกากรและออกของ การขอรับสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีอากรขาเข้าแต่ละเที่ยวเรือ และประสานงานในการจัดส่งสินค้าแก่บริษัทร่วมทุน บริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต่อเนื่อง
- บริการที่ปรึกษากฎหมาย ให้บริการบริษัทร่วมทุน บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ และบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
- บริการห้องปฏิบัติการทดลอง ให้บริการทดสอบและตรวจวิเคราะห์ประเภทต่าง ๆ ได้แก่ ก๊าซ น้ำ ตัวเร่งปฏิกิริยา น้ำมันหล่อลื่น การวิเคราะห์ทางด้านสิ่งแวดล้อม และการทดสอบตามที่ลูกค้าต้องการ และเมื่อ วันที่ 19 ธันวาคม 2540 เอ็นพีซีได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก. 1300-2537 ISO/IEC Guide 25 จากสำ นักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ซึ่งลูกค้าสามารถนำผลการทดสอบและตรวจวิเคราะห์ไปอ้างอิงได้
นายกมลชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2540 เอ็นพีซีได้ดำเนินงานโดยมุ่งเน้นคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง มีผลงานด้านการผลิตโอเลฟินส์และสาธารณูปการ ตลอดจนการให้บริการต่าง ๆ เต็มประสิทธิภาพ สามารถผลิตโอเลฟินส์ได้สูงกว่าปีที่ผ่านมา ในด้านการตลาดและจัดจำหน่ายสามารถรักษาลูกค้า และนำกลยุทธ์ด้านราคามาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันทำธุรกิจต่อไปได้ ส่วนในด้านการเงิน มีการบริหารสภาพคล่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เอ็นพีซีผ่านพ้นภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจในประเทศได้เป็นอย่างดี
ส่วนในปี 2541 เอ็นพีซีเน้นให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความสามารถ (Competency) ขององค์การและบุคลากร ตลอดจนมุ่งเน้นการปลูกฝังทัศนคติที่เหมาะสมในการทำงาน ให้สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีม และทดแทนกันได้ ด้วยการสร้างเสริมความสามารถใหม่ที่จำเป็นแก่ผู้บริหารและพนักงานในแต่ละตำแหน่ง ทุกระดับ เพื่อให้สามารถรักษาตลาด และคงอัตราการเติบโตทางธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบันไว้ และพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต ทั้งในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพขององค์กรให้พร้อมรองรับช่วงเวลาที่เศรษฐกิจจะกลับมาเติบโตได้ทันท่วงทีและเพื่อรักษาเสถียรภาพในการแข่งขัน ตลอดจนสร้างความสามารถในการเป็นผู้นำทางธุรกิจในระดับสากลต่อไป--จบ--
- พ.ย. ๒๕๖๗ ปุ๋ยแห่งชาติยอมแบกภาระราคาวัตถุดิบแพงและบาทอ่อนเพื่อช่วยเกษตรกรลดต้นทุนปุ๋ยแห่งชาติยอมแบกภาระราคาวัตถุดิบแพงและบาทอ่อน
- พ.ย. ๒๕๖๗ สมาคมเกษตรกรก้าวหน้า ติดใจปุ๋ยแห่งชาติ ซื้อต่อเป็นปีที่ 2
- พ.ย. ๒๕๖๗ ธนาคารออมสินร่วมกับ บมจ.ปุ๋ยแห่งชาติ เปิดตัวโครงการ "จัดหาปุ๋ยเคมีราคาพิเศษให้กับสมาชิกของโครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาชนบท"