กทม.ขอกู้เงินธนาคารโลกนำมาช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคม

กรุงเทพ--23 มี.ค.--กปส.
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดร.พิจิตต รัตตกุล ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ประภาภัทร นิยม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายแพทย์วันชาติ ศุภจัตุรัส รองปลัดกรุงเทพมหานคร และนางณฐนนท ทวีสิน ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกรุงเทพมหานคร ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารเกี่ยวกับเรื่องที่ทางรัฐบาลได้ให้กทม.ทำรายการขอกู้เงินจากธนาคารโลก (World Bank) นำเสนอ เพื่อให้รัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการขอกู้
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม ดังนั้นเงินกู้ที่กรุงเทพมหานครทำรายการขอไป จึงเป็นเงินกู้ที่จะไปเสริมให้ผู้ด้อยโอกาสซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเงินที่ขอกู้จะแบ่งไปดำเนินการใน 3 หมวด ดังนี้ หมวดที่หนึ่ง คือ ด้านสุขภาพ อนามัย การดูแลรักษาผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส หมวดที่สอง การส่งเสริมอาชีพ โดยการพัฒนาฝีมือแรงงานเพื่อให้ผู้ที่ต้องการงานใหม่หรือแรงงานที่ไม่มีฝีมือ มีโอกาสในการทำงานมากขึ้น หมวดที่สาม การปรับปรุงสภาวะความเป็นอยู่ของผู้ที่อยู่ในชุมชนแออัด
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมถึงโครงการในหมวดที่หนึ่งว่าประกอบด้วยหลายโครงการ อาทิ โครงการศูนย์บริการผู้สูงอายุในกรุงเทพมหานคร โดยดำเนินการขยายศูนย์บริการสาธารณสุขให้สามารถบริการผู้สูงอายุได้มากขึ้น โครงการอบรมให้ความช่วยเหลือดูและผู้สูงอายุ โดยจะนำบุคคลในชุมชนมาฝึกอบรมให้ความรู้เพื่อให้กลับไปดูแลผู้สูงอายุต่อไป โครงการตู้ยาชุมชนโครงการเพิ่มศูนย์สุขภาพชุมชน การจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพของกทม. ที่โรงพยาบาลหวงพ่อทวีศักดิ์ฯ เป็นต้น
ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงรายละเอียดของโครงการในหมวดที่สองว่า เป็นโครงการที่มีแผนงานด้านการให้การศึกษา และฝึกอาชีพระยะสั้น โดยจะอบรมวิชาชีพที่เป็นความต้องการของตลาดให้ผู้ตกงานในวันเสาร์-อาทิตย์
ด้านรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงเงินกู้เพื่อนำมาดำเนินการในหมวดที่สามว่า เงินจำนวนดังกล่าวจะนำมาปรับปรุงสภาพแวดล้อมในชุมชน เช่น กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง แหล่งเชื้อโรค และการจ้างแรงงานชุมชน เช่น จ้างทำทางเท้า ขจัดน้ำท่วมขัง เป็นต้น
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหาคร กล่าวอีกว่า สำหรับจำนวนเงินที่จะขอกู้จากธนาคารโลกเพื่อนำมาดำเนินการใน 3 หมวดดังกล่าวจะแล้วเสร็จในวันที่ (18 มี.ค.41) คาดว่าเป็นจำนวนเงินประมาณ 300-500 ล้านบาท อย่างไรก็ดีหากจำนวนเงินที่ขอกู้ในครั้งนี้ไม่เพียงพอกับการดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ กรุงเทพมหานครจะมีการพิจารณาสมทบงบประมาณของกรุงเทพมหานครลงไปบางส่วนด้วย--จบ--