กรุงเทพ--29 ม.ค.--กรมการปกครอง
กรมการปกครอง และกระทรวงการต่างประเทศได้ตระหนักถึงศักยภาพ ความสำคัญและความจำเป็นของนายอำเภอชายแดน ที่จะเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจและสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยว และแก้ปัญหาชายแดนระหว่างประเทศ
นายประมวล รุจนเสรี อธิบดีกรมการปกครอง จึงได้กำหนดให้มีการจัดการอบรมนายอำเภอและปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอขึ้น ณ วิทยาลัยการปกครอง อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี รวม 5 วัน ระหว่างวันที่ 16-20 กุมภาพันธ์ 2541 โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วยนายอำเภอ และปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอที่มีพื้นที่ติดเขตชายแดนทั่วประเทศ รวม 122 คน โดยมีวัตภุประสงค์ในการจัดสัมมนา คือ
1. เพื่อให้นายอำเภอชายแดนได้รับทราบนโยบายของรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกรมการปกครอง ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ด้านการเงิน การคลังของประเทศ อย่างเป็นระบบและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
2. เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบเกี่ยวกับการต่างประเทศ แก่เจ้าหน้าที่ระดับบริหารของส่วนราชการในภูมิภาค โดยเฉพาะนายอำเภอ
3. เพื่อให้นายอำเภอชายแดนได้เพิ่มพูนความรู้ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะแนวทางการส่งเสริมการค้าชายแดน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคง และการเสริมสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างประเทศ
4. เพื่อให้นายอำเภแชายแดนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และร่วมกัยกำหนดกลยุทธในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการเงินการคลังของประเทศโดยอาศัยการค้าายแดน เพื่อหาเงินตราเข้าประเทศ และแก้ไขปัญหาการว่างงานของประเทศ จากพื้นฐานข้อเท็จจริงและศักยภาพของแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในทางปฏิบัติต่อไป
5. เพื่อสร้างสายการติดต่อในกรณีที่เกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศที่แก้ไขโดยด่วน โดยใช้รูปแบบการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่/ภูมิภาค ซึ่งได้รับการสนับสนุนทางด้านแนวทางจากกระทรวงการต่างประเทศ--จบ--
- ๒๓ พ.ย. มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และกระทรวงการต่างประเทศ
- ๒๓ พ.ย. กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดงานเปิดตัวแผนปฏิบัติการร่วมภายใต้ยุทธศาสตร์ฟ้าใส และงานสัมมนาแนวทางการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนในภูมิภาคอาเซียน
- ๒๓ พ.ย. ไทยเบฟ สนับสนุน CaForum : Pioneering the Future of ASEAN Green Procurement