กรุงเทพ--17 ก.ย.--สำนักงานเขตกรุงเทพ
เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 40 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายบำเพ็ญ จตุรพฤกษ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถรางเลียบคลองว่า กรุงเทพมหานครได้นำเสนอรายละเอียดการดำเนินงานโครงการรถรางเลียบคลองสายพระราม 3 ให้ที่ประชุม คจร.พิจารณา เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อขอให้กรุงเทพมหานครเป็นหน่วยงานดำเนินงานโครงการซึ่งทางคจร. ได้มีมติให้กทม. เปิดหน่วยงานดำเนินงานโครงการแล้ว กทม. จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนของแผนงาน ทั้งนี้ในส่วนของเส้นทางเดิมที่ได้มีการศึกษาไว้โดยใช้ข้อมูลของ สจร. ซึ่งมีระยะทาง ประมาณ 17.5 ก.ม. คณะที่ปรึกษาโครงการฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อไม่ให้โครงการเกิดความล่าช้า เส้นทางช่วงถนนเจริญกรุง ซึ่งมีปัญหาเขตทางแคบ ระยะทางประมาณ 5 ก.ม. จะดำเนินการเป็นส่วนต่อขยายในภายหลัง ดังนั้นเส้นทางในเบื้องต้นของโครงการจึงเริ่มตั้งแต่ สถานีคลองช่องนนทรีส่วนที่ต่อจากโครงการรถไฟฟ้าธนายง ไปทางพระราม 3 และสุดสายที่เชิงสะพานกรุงเทพ ระยะทางประมาณ 12.5 ก.ม. ทั้งนี้จากการศึกษาคาดว่าเส้นทางดังกล่าวเมื่อสร้างแล้วเสร็จจะมีผู้โดยสารประมาณ 150,000 คนต่อวัน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอจะสนับสนุนให้การลงทุนมีความเป็นไปได้สูงขึ้น
รองปลัดกทม. กล่าวต่อไปว่า ในวันอังคารที่ 23 ก.ย. นี้ คณะที่ปรึกษาโครงการฯ จะนำเสนอรูปแบบ และรายละเอียด รวมทั้งทางเลือกในการลงทุนให้ คณะผู้บริหารพิจารณา อย่างไรก็ดีเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้เอกชนที่จะมาลงทุนไม่ค่อยมีความมั่นใจเนื่องจากมีอัตราเสี่ยงมาก ดังนั้นทางเลือกในการลงทุนที่จะเสนอให้คณะผู้บริหารพิจารณาจึงได้กำหนดไว้หลายแนวทาง เช่น ให้เอกชนลงทุนเองทั้งหมด โดยให้สิทธิในการจัดเก็บค่าโดยสาร ในระยะเวลา 25-30 ปี จนกว่าจะคืนทุนได้ หรือให้เอกชนลงทุนสร้างไปก่อน และ กทม. จะเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารเพื่อนำมาชดใช้ค่าก่อสร้างของเอกชนโดยผ่อนส่งในระยะยาว ซึ่งแนวทางนี้จะทำให้เอกชนมีอัตราการเสี่ยงน้อยลง รวมทั้งเป็นการจูงใจให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น
รองปลัดกทม. กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่ กทม. ได้กำหนดรูปแบบการลงทุนชัดเจนแล้ว จะออกประกาศเชิญชวนผู้สนใจเข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้มีคุณสมบัติเบื้องต้น โดย กทม. จะใช้เวลาช่วงเดือน ต.ค. 40 พิจารณาคัดเลือกและจะประกาศผลการคัดเลือกในกลางเดือน พ.ย. 40 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวคาดว่า TOR จะแล้วเสร็จ และพร้อมที่จะเปิดขายแบบ จากนั้นในปลายเดือน ก.พ. 41 จะให้กลุ่มเอกชนยื่นข้อเสนอในด้านเทคนิค และราคา เพื่อให้ กทม. พิจารณาว่าเอกชนรายใด ตอบสนองเงื่อนไขได้อย่างครบถ้วน และให้ประโยชน์กับ กทม. มากที่สุดในด้านที่ผู้โดยสารจะรับภาระน้อยลง--จบ--