กรุงเทพ--18 ส.ค.--กระทรวงสาธารณสุข
สธ.ห่วงใยความปลอดภัยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ มท.1 ยังชมเปาะ แนะให้ทุกสถานบริการเร่งปรับปรุงหลุมหลบภัยและติดตั้งไซเรนซ์เตือนภัย เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์สู้รบของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
นายแพทย์วินัย วิริยะกิจจา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 3 ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น กิ่งอำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ว่า ผลจากการสู้รบของประเทศกัมพูชา ทำให้ประชาชนชาวกัมพูชาที่ได้รับบาดเจ็บและผู้เจ็บป่วยอพยพลี้ภัยเข้ามาประเทศไทยอยู่เสมอ กระทรวงสาธารณสุขจึงสั่งให้หน่วยงานสาธารณสุขชายแดนทุกแห่ง เตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือด้านรักษาพยาบาลแก่ผู้บาดเจ็บตลอดเวลา ที่ผ่านมา เมื่อเกิดการอพยพลี้ภัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว ได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โดยระดมทีมแพทย์และพยาบาลจากสถานีอนามัย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาล ชุมชน และสถานีกาชาดที่ 6 อรัญประเทศ พร้อมทั้งเวชภัณฑ์ปฏิบัติงานรักษาพยาบาล ควบคุมและป้องกันโรค ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งผลจากการปฏิบัติงานสามารถควบคุมสถานการณ์โรคติดต่อไม่ให้สร้างปัญหาในประเทศไทยได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยในความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานตามชายแดนทุกแห่ง จึงเสนอแนะให้จังหวัดดำเนินการปรับปรุงหลุมหลบภัย เตรียมบังเกอร์ให้เพียงพอพร้อมที่จะหลบภัยได้ และให้ติดตั้งไซเรนซ์เพื่อเตือนภัย ในสถานีอนามัยชายแดนทุกแห่ง สำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยควรสวมเสื้อเกราะเพื่อป้องกันกระสุนด้วย นอกจากนี้ จากการับฟังปัญหาของผู้ปฏิบัติงานพบว่า ยังขาดแคลนแพทย์และพยาบาล เครื่องมือแพทย์ ตลอดจนเครื่องมือสื่อสารและรถมอเตอร์ไซด์ให้สถานีอนามัยทุกแห่งใช้เป็นพาหนะหลบภัยสงคราม เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ตนจะได้นำปัญหาเหล่านี้เสนอผู้บริหารระดับสูงพิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป
นายแพทย์วินัยกล่าวว่า จากการปฏิบัติงานอย่างทุ่มเทและเสียสละ ด้วยความเข้มแข็งของเจ้าหน้าที่ นับเป็นความสำเร็จของกระทรวงสาธารณสุขระดับหนึ่ง จนได้รับคำชมเชยจากกระทรวงมหาดไทย นายเสนาะ เทียนทอง ได้มาตรวจเยี่ยมศูนย์ผู้อพยพแห่งนี้ว่า "กระทรวงสาธารณสุขเตรียมการได้อย่างดียิ่ง เจ้าหน้าที่พร้อมเวชภัณฑ์ถึงพื้นที่เป้าหมายก่อนที่กลุ่มผู้อพยพจะเข้าถึงเขตแดนไทย" แต่อย่างไรก็ตามได้ย้ำเจ้าหน้าที่ทุกคนให้ดำเนินการเฝ้าระวังโรคติดต่อข้ามชาติอย่างต่อเนื่อง มิให้นำมาแพร่ระบาดสู่ประชาชนชาวไทยได้อีกในอนาคต--จบ--