กรุงเทพ--9 ม.ค.--กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ นครราชสีมา สุ่มตัวอย่างหมูยอจากแหล่งผลิตและจำหน่ายในเขตจังหวัดนคราชสีมาพบไม่เข้ามาตรฐาน ถึงร้อยละ 86.7 เนื่องจากใช้วัตถุกันเสียเกินมาตรฐาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้
ดร.เรณู โกยสุโข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่าหมูยอเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ประเภทไส้กรอกต้มสุก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารพื้นเมืองของภาคอีสานที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย และเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศ ฉะนั้น การถนอมอาหารจึงเป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งผู้ผลิตมักใส่วัตถุกันเสียเพื่อยืดอายุในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ระหว่างรอจำหน่าย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงทำการสุ่มตัวอย่างหมูยอจากแหล่งผลิตและจำหน่ายในเขตจังหวัดนครราชสีมา ช่วงระหว่างเดือนมกราคม 2540 ถึงเดือนมีนาคม 2540 จำนวน 15 ตัวอย่าง พบไม่เข้ามาตรฐาน 13 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 86.7 เนื่องจากมีการใช้วัตถุกันเสีย (กรดเบนโซอิด) ในปริมาณสูงเกินมาตรฐาน ซึ่งค่าปกติปริมาณวัตถุกันเสียที่ให้มีได้ในผลิตภัณฑ์อาหารจากเนื้อสัตว์ประเภทหมูยอคือ 1000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม กรดเบนโซอิคหรือเกลือเบนโซเอทมีคุณสมบัติในการละลายน้ำได้ดี เมื่อใส่ลงในอาหาร ทำให้รสชาดไม่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งมีราคาถูก ประสิทธิภาพของกรดเบนโซอิค สามารถยับยั้งการเจริญเติบโต และทำลายเชื้อจุลินทรีย์จำพวกยีสต์และแบคทีเรียได้ดี โดยปกติร่างกายของคนเรา สามารถกำจัดกรดเบนโซอิคออกได้โดยขับออกมาทางปัสสาวะ ถ้าร่างกายได้รับสารนี้ในปริมาณ 6 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องและท้องเสีย เป็นต้น
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่อไปว่า จากการที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ นครราชสีมา ได้ทำการศึกษาหาวิธีที่เหมาะสมเพื่อลดปริมาณกรดเบนโซอิค ในหมูยอให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยการลวกหมูยอในน้ำเดือดในเวลาที่ต่างกัน เปรียบเทียบกับหมูยอ ที่ไม่ผ่านกระบวนการลวก เพื่อเป็นข้อแนะนำการบริโภคหมูยอให้ปลอดภัย ผลปรากฎว่า เมื่อนำหมูยอไปลวกในน้ำเดือด จะสามารถลดปริมาณกรดเบนโซอิคได้ ซึ่งปริมาณกรดเบนโซอิคที่ลดลงมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนของน้ำกับหมูยอที่ใช้ ฉะนั้น ผู้บริโภคที่เคยเข้าใจว่าหมูยอเหล่านั้นสุกมาแล้วสามารถแกะหมูยอออกจากห่อรับประทานทันที โดยไม่ผ่านการลวกหรือต้มจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเสียใหม่ โดยนำหมูยอไปต้มหรือลวกในน้ำเดือดก่อนรับประทานก็จะปลอดภัยกว่าการบริโภคในทันที
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวในตอนท้ายว่า การใช้สารเคมีในขบวนการผลิต อาจทำให้อาหารไม่บริสุทธิ์ก่อให้เกิดสารพิษในอาหารในลักษณะพิษเฉียบพลัน หรือพิษเรื้อรังต่อผู้บริโภคได้ ดังนั้น ผู้ผลิตจึงควรตระหนักในการใช้สารเจือปนในอาหารอย่างมีวิจารณญาณตามหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติอาหารอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลสุขลักษณะในทุกขั้นตอนการผลิตวัตถุดิบ ความสะอาดของสถานที่ผลิตและคนงาน ทั้งนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค นอกจากนี้ ผู้บริโภคเองก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคด้วย โดยการลวกหรือต้มก่อนรับประทานทุกครั้ง ก็จะช่วยลดอัตราเสี่ยงจากการเกิดพิษจากสารเคมีได้
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
9 มกราคม 2541
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
โทร. 5910203-14 ต่อ 9017, 9081
โทรสาร 5911707 มือถือ 01-9047721--จบ--