กรุงเทพ--22 เม.ย.--ธ.นครหลวงไทย
นายสมโภชน์ อินทรานุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารนครหลางไทย จำกัด (มหาชน) แถลงว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้ของธนาคารแสดงถึงสภาพคล่องของธนาคารที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถระดมเงินฝากเพิ่ม และชำระคืนเงินกู้ยืมจากกองทุนฟื้นฟูฯ รวมทั้งส่งทีมเจรจาต่อวงเงินกู้ยืมต่างประเทศได้ตามแผนที่วางไว้
กรรมการผู้จัดการใหญ่แบงก์ชฏากล่าวว่า ปริมาณเงินฝากของธนาคาร ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2541 มีจำนวน 152,105 ล้านบาท เทียบกับ 158,086 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2540 โดยถึงแม้ว่าเงินฝากในประเทศของธนาคารจะลดลงไปในช่วงเดือนมกราคม 2541 ถึง 5,120 ล้านบาท และมีเงินฝากต่างประเทศที่ครบกำหนดไปอีก 10,611 ล้านบาท แต่นับตั้งแต่ธปท.ทำการลดทุน/เพิ่มทุนและเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ของธนาคารในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา พนักงานของธนาคารได้พร้อมใจกันระดมเงินฝากเพิ่มขึ้นถึงสิ้นเดือนมีนาคม 9,750 ล้านบาท และจนถึงปัจจุบันเงินฝากได้เพิ่มขึ้นกว่า 11,409 ล้านบาทแล้ว ทำให้ธนาคารสามารถแก้ไขปัญหาสภาพคล่องก่อนหน้านี้ลงได้ สำหรับเงินให้สินเชื่อ สินทรัพย์ และส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2541 มีจำนวนทั้งสิ้น 232,951 ล้านบาท 257,360 ล้านบาท และ 17,369 ล้านบาท ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม สภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอุปสรรคยังคงส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธนาคารในไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้ธนาคารมีผลขาดทุนสุทธิ 2,758 ล้านบาท ทั้งนี้ผลประกอบการดังกล่าวสะท้อนถึงมาตรการเสริมสร้างความพร้อมของธนาคาร โดยธนาคารได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 503 ล้านบาท เพื่อรองรับเกณฑ์สำรองหนี้ใหม่ของธปท.และภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน นอกจากนี้ ผลประกอบการอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการคำนวณกำไรขาดทุนทางการบัญชีที่ผันแปรตามอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 993 ล้านบาท เพื่อสำรองสินทรัพย์เงินตราต่างประเทศไว้สำหรับการชำระคืนหนี้ต่างประเทศ ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยของธนาคารยังคงถูกจำกัดด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย
นายสมโภชน์ กล่าวต่อไปถึงกรณีที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากโดยทั่วไปในปัจจุบันที่อยู่ในระดับสูงว่า เป็นไปตามกลไกของตลาด เพราะสภาพคล่องโดยรวมของประเทศยังคงตึงตัว ซึ่งนโยบายอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารนครหลวงไทย เป็นไปตามข้อกำหนดของธปท.มาโดยตลอด สำหรับการพัฒนาฐานะของธนาคารนั้น ธนาคารได้เสนอแผนฟื้นฟูโดยอาศัยหลักการแยกสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ เพื่อบริหารต่างหาก ซึ่งจะทำให้สามารถหาผู้ร่วมทุนตามนโยบายของทางการได้ง่ายขึ้น โดยได้ยื่นแผนดังกล่าวต่อทางการเพื่อพิจารณาแล้ว สำหรับนโยบายหลักในปี 2541 นี้ นอกเหนือจากการรักษาสภาพคล่อง ธนาคารกำลังเร่งรัดพัฒนาคุณภาพและแก้ไขหนี้ที่มีปัญหา รวมทั้งพยายามบริหารต้นทุนการดำเนินงานให้อยู่ในระดับต่ำที่สุด โดยใช้มาตรการรัดเข็มขัดประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างเต็มที่ พร้อมไปกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการลดความสูญเสียในด้านต่าง ๆ ซึ่งเมื่อประกอบกับต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่อาจปรับลดลงได้ เชื่อว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสถัดไปของธนาคาร จะดีขึ้นเป็นลำดับ--จบ--