สมาชิก”วีซ่า” ในเอเชีย-แปซิฟิกร่วมประชุมใหญ่ ชี้แนวโน้มการจับจ่ายด้วยการ์ดเข้าแทนที่เงินสด

พฤหัส ๒๐ พฤศจิกายน ๑๙๙๗ ๑๖:๑๘
กรุงเทพ-- 20 พฤศจิกายน --วีซ่า
วีซ่าแสดงเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ล้ำยุคที่พัฒนาขึ้น เพื่อรองรับแนวโน้มการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตที่จะเข้ามาแทนที่การชำระเงินด้วยเงินสดภายในงานประชุมสมาชิกในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกประจำปีของวีซ่า ซึ่งจัดขึ้นที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีตัวแทนจากธนาคารกว่า 300 แห่ง และผู้บริหารศูนย์บัตรเครดิตของสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของวีซ่าทั่วทั้งภูมิภาคเข้าร่วมงาน นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการของ 150 บริษัท ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีทั้งฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์ เพื่อสร้างวิถีทางใหม่แห่งการชำระเงิน
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์และบริการที่โดดเด่นที่สุดภายในงานคือชิพการ์ด (chip card) และระบบการค้าทางอิเล็คทรอนิกส์ (Electronic Commerce)
มร. เอ็ดมัน พี เจนเซ่น ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า“เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีอันทันสมัย 2 ชิ้น ที่จะผลักดันรูปแบบการชำระเงินในอนาคต คือ สมาร์ทการ์ด และอินเตอร์เน็ต ซึ่งพลังในการประมวลผลของตัวชิพ และการพัฒนาระบบการค้าทางอิเล็คทรอนิกส์จะช่วยนิยามธุรกิจด้านการชำระเงินได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสมาร์ทการ์ดจะเป็นตัวพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวิธีการชำระเงิน สมาร์ทการ์ดจะเปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อสินค้า
การทำธุรกรรมทางธนาคาร ตลอดจนเก็บรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวและการเงิน เสมือนหนึ่งลูกค้ามีธนาคารส่วนตัวอยู่ในกระเป๋าซึ่งพร้อมที่จะสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าไปยังลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
ด้าน มร. เดนนิส เอ็ม. ก็อกกิ้น ประธานแห่งวีซ่า เอเชีย-แปซิฟิก กล่าวเสริมว่า การผนึกกำลังของเทคโนโลยีด้านสมาร์ทการ์ดและระบบการค้าทางอิเล็คทรอนิกส์บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนั้น จะช่วยผลักดันให้เกิดการใช้การ์ดชำระเงินแทนที่เงินสดได้เป็นอย่างดี
โดยในปัจจุบัน การใช้บัตรชำระแทนเงินสดมีมากกว่าร้อยละ 5.9 ในส่วนการใช้จ่ายด้านอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วโลกคิดเป็นมูลค่า180 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ คาดว่าในปีพ.ศ. 2543 การใช้จ่ายด้านอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 21 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยวีซ่าประเมินว่าอัตราการเข้าถึงตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 2.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสำหรับลูกค้ากลุ่มสถาบันการเงินนั้น หมายความว่าจะมีการเพิ่มการชำระเงินนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เหล่านี้คือเหตุผลสำคัญที่วีซ่ามุ่งให้ความสำคัญอย่างมากในการผนวกเทคโนโลยีด้านชิพการ์ดและระบบการค้าทางอิเล็คทรอนิกส์ที่ปลอดภัยเข้าด้วยกัน เราทราบว่านอกจากลูกค้าจะต้องการใช้ชิพการ์ดแล้ว ยังต้องการการเข้าถึงและความยืดหยุ่น ซึ่งจุดนี้เครือข่ายของอินเตอร์เนตที่โยงใยอยู่ทั่วโลกจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
มร. ก็อกกิ้น กล่าวเสริมว่า “ไม่มีตลาดใดที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีเท่ากับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเมื่อเริ่มมีการชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตเกิดขึ้น พบว่าในภูมิภาคนี้มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในโลก และโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นรองรับการใช้งานของชิพการ์ดที่ทันสมัยที่สุดในโลกได้นำมาใช้ในภูมิภาคนี้เช่นเดียวกัน”
นอกจากนี้ เทคโนโลยีการชำระเงินด้วยชิพการ์ดนี้ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งเป็นที่จัดแสดงภายในงาน เช่น wireless terminal, Contactless terminals และ Interactive kiosks
สำหรับ wireless terminal นั้นไม่จำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อกับสายโทรศัพท์ Contactless terminals ก็ไม่จำเป็นต้องใช้การ์ดเสียบเข้ากับตัวเครื่อง โดยทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกและให้ความยืดหยุ่นสูงต่อผู้ถือบัตร รวมทั้งเปิดโอกาสให้มีการชำระเงินในกลุ่มที่ยังใช้งานไม่ได้ในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งหมายความว่าธนาคารผู้ออกบัตรจะได้รับรายได้มหาศาลจากตลาดดังกล่าว
ข้อกำหนด (Specification) แพลทฟอร์มระบบเปิด
มร. ก็อกกิ้น กล่าวว่า ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการพัฒนาชิพการ์ดของสถาบันการเงินอยู่ที่ข้อกำหนด (Specification) แพลทฟอร์มระบบเปิด ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูงสุดและให้ผลประโยชน์ที่เหนือกว่าสำหรับสมาชิกของวีซ่า
โดยวีซ่าพาร์ทเนอร์ โปรแกรม จะทำให้สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของวีซ่าสามารถพัฒนาชิพการ์ดของตนสำหรับกลุ่มลูกค้าได้โดยอิสระ ซึ่งจะสามารถใช้ร่วมกับระบบงานเดิมได้ รวมทั้งใช้งานร่วมกับมาตรฐานนานาชาติได้อีกด้วย
มร. ก้อกกิ้น กล่าวเสริมว่า “ข้อกำหนดแพลทฟอร์มระบบเปิด จะเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินสามารถควบคุมระบบเทคนิคของตนได้ ในแง่ของการเลือกบริการจากซัพพลายเออร์รายใดก็ได้ และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดต่อไปในอนาคต สำหรับชิพการ์ดอเนกประสงค์นี้ นับได้ว่าเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพต่อต้นทุน ความยืดหยุ่น และมีประโยชน์สูงสุด ดังที่วีซ่าได้แสดงให้เห็นผ่านจำนวนชิพการ์ดมากกว่า 7 ล้านใบ ด้วยโปรแกรมจำนวนกว่า 70 โปรแกรม ใน 24 ประเทศทั่วโลก”
กลยุทธ์การตลาด (Visa Marketplace)
สาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้คือ “การส่งมอบสัญญา” (Delivering The Promise) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการที่วีซ่าได้บรรลุแผนงานตามสัญญาที่ให้ไว้กับสถาบันการเงินเพื่อที่จะตอกย้ำถึงวิธีการชำระเงินที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า โดยกลยุทธ์การตลาดของวีซ่าเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่จะมอบคุณค่าในการใช้บัตรที่สูงขึ้น การยอมรับ การออกบัตรและการขาย
กลยุทธ์การตลาดได้แสดงให้ผู้บริโภคเห็นถึงความง่ายของการทำธุรกรรมอย่างปลอดภัยในยุคไซเบอร์สเปซ และความสะดวกที่จะใช้บัตรใบเดียวกันได้ทั้งที่ห้างสรรพสินค้า สำนักงาน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้าน หรือแม้กระทั่ง interactive kiosk
ทั้งนี้ มีพันธมิตรด้านเทคโนโลยี 30 รายที่เข้าร่วมในงาน Visa MarketPlace เช่นดาต้าการ์ด เอเชีย-แปซิฟิกจำกัด เจ็มพลัส เทคโนโลยีส์ เอเชีย ไฮเปอร์คอม เอเชียจำกัด อินเจนิโค อินเตอร์เนชั่นแนล (แปซิฟิก) พีทีวาย จำกัด เวริโฟน ซัน ไมโครซิสเต็มส์ และ เปย์ซิส
การเติบโตของจำนวนบัตรวีซ่าและยอดการชำระเงินผ่านบัตรวีซ่าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2540 สะท้อนให้เห็นแนวโน้มการเติบโตของการชำระเงินผ่านบัตรแทนการชำระด้วยเงินสดและเช็ค โดยยอดการชำระเงินของวีซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ณ เดือนมิถุนายน 2540 คิดเป็นจำนวนถึง182.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2539 ร้อยละ33 และยอดการทำธุรกรรมต่างๆ ของธนาคารพาณิชย์ในจีนที่ชำระผ่านบัตรวีซ่าคิดเป็นมูลค่า 52.78 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้บัตรวีซ่ายังมีจำนวนถึง 108 ล้านใบ เพิ่มขึ้นร้อยละ15 จากปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 39 ซึ่งคิดเป็น 965 ล้านครั้งต่อปี หรืออาจกล่าวได้ว่ามีการทำธุรกรรมเกิดขึ้นทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจำนวน 30 ครั้งต่อวินาที
วีซ่าเป็นระบบการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือ “วิธีการชำระเงินที่ดีที่สุดในโลก” โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาอำนวยประโยชน์ให้แก่สมาชิกที่เป็นสถาบันการเงินจำนวน 21,000 แห่ง รวมทั้งหน่วยงานธุรกิจ ภาครัฐ รวมไปถึงการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของโลก วีซ่าเป็นผู้นำด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาทิ บัตรชิพโปรแกรม 69 โครงการทั่วโลก รวมทั้งโครงการวีซ่าแคช 7 ล้านใบ และวีซ่าเป็นผู้บุกเบิกระบบการทำธุรกรรมอิเล็คทรอนิคส์อย่างปลอดภัย หรือ Secure Electronic Transaction — SET ใน 25 ประเทศเพื่อการทำธุรกรรมการค้าอย่างปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต บัตรวีซ่ากว่า 600 ล้านใบได้รับการยอมรับจากร้านค้าจำนวนกว่า 14 ล้านแห่งทั่วโลก โดยมียอดรายได้คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี นอกจากนี้ วีซ่าเป็นผู้ดำเนินเครือข่ายเอทีเอ็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนเครื่องเอทีเอ็มกว่า 380,000 เครื่อง
วีซ่ามีข้อมูลโฮมเพจในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คือ http://www.visa.com
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อเบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์กาญจนาวดี น้อยใจบุญโทรศัพท์ 252-9871-7.- จบ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๘:๔๙ ฉลองเปิด SIN Rooftop Bar
๐๘:๒๘ กทม. เน้นย้ำการปฏิบัติตามมาตรการส่วนบุคคล-เฝ้าระวังการแพร่ระบาดโรคไอกรนในสถานศึกษา
๐๘:๔๙ กทม. ขับเคลื่อนแผนป้องกันฝุ่น PM2.5 - ตรวจสอบสถานประกอบกิจการ-แหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศ
๐๘:๑๖ เฮอร์บาไลฟ์ ปล่อยของ! ฟอร์มูล่า วัน ซีเล็คท์ โปรตีนจากพืชใหม่ล่าสุด ตอบโจทย์คนรักสุขภาพยุคใหม่
๐๘:๓๓ อำพลฟูดส์ ร่วมส่งเสริมทักษะประกอบอาชีพผู้พิการจังหวัดราชบุรี หวังสร้างรายได้ให้ผู้พิการ และยกระดับคุณภาพชีวิตในท้องถิ่นอย่างเท่าเทียม
๐๘:๐๒ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบของขวัญเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้พิการ ในงานวันคนพิการ ครั้งที่ 55 ประจำปี 2567 ณ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด
๐๘:๔๘ อำพลฟูดส์ นำเครือข่าย FoodWorks จับมือนักวิจัย ม.แม่โจ้ ต่อยอดความร่วมมือด้านวิชาการ ยกระดับเครือข่าย SMEs
๐๘:๓๘ ม.ร.แถลงข่าวความพร้อมจัดการแข่งขัน กีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 47เจ้ารามเกมส์
๐๘:๒๑ ห้ามพลาด! โปรโมชั่นสุดพิเศษจาก Fast Cargo เพื่อคนระยองที่งาน ระยองน่าอยู่ Home Expo บ้านและคอนโด 2024
๐๘:๒๔ อ๊อฟ - มณฑล เผย Good Doctor หมอใจพิเศษ เข้มข้นทุกรายละเอียด กว่าจะเป็นซีรีส์ที่ครองใจคนดูได้ไม่ใช่เรื่องง่าย?