กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--กทม.
เมื่อวานนี้ (5 พ.ย.44) เวลา10.00 น. ที่ห้องประชุม 2 ชั้น 2 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานแถลงข่าวความคืบหน้าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคในกทม. โดยมีผู้ร่วม แถลงข่าวประกอบด้วย น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ปลัดกรุงเทพมหานคร น.พ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข น.พ.อุดมศักดิ์ สังฆ์คุ้ม รองปลัดกรุงเทพมหานคร และ น.พ.ชาตรี บานชื่น รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากมีการนำร่องโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร จำนวน 13 เขต เมื่อวันที่ 1 ต.ค.44 ที่ผ่านมา คณะทำงานร่วมของกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร ได้ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและเป็นระบบ นำปัญหาและอุปสรรคการดำเนินงานในช่วงแรกมาวางแนวทางเพื่อดำเนินการในพื้นที่ส่วนที่เหลือโดยกรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบ
หลักในการเตรียมความพร้อมของพื้นที่ สำรวจขึ้นทะเบียนประชากร รวมทั้งประกาศรับสมัครสถานพยาบาลเอกชนที่สนใจเข้าร่วมเป็นเครือข่ายโดยมีสำนักมาตรฐานสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ
กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ควบคุมและตรวจสอบคุณภาพสถานพยาบาลที่จะสมัครเข้าร่วมเป็นเครือข่าย เพื่อให้สถานพยาบาล ดังกล่าวมีคุณภาพและมาตรฐานเท่าเทียมกันทุกแห่ง สำหรับสถานพยาบาลเอกชนที่ต้องการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายกรุณาแจ้งความจำนงไปยังสำนักงานประกันสุขภาพ โทรศัพท์หมายเลข 02-590-1566 ภายในวันที่ 9 พ.ย.44
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในเดือน พ.ย.นี้ จะมีการดำเนินงานควบคู่กันไป 2 ประการคือ การขึ้นทะเบียนสถานพยาบาล และการสำรวจสิทธิขึ้นทะเบียนประชาชน ได้แก่ การปรับปรุงเกี่ยวกับเรื่องทะเบียนราษฎร การดำเนินการสำรวจและยืนยันสิทธิของประชาชน การพิมพ์บัตรทอง จากนั้นในเดือน ธ.ค.44 จะดำเนินการแจกบัตรทอง ฯลฯ
ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.ได้แบ่งพื้นที่ให้บริการตามโครงการนี้ เป็น 14 โซน โดยมีโรงพยาบาลกระทรวง สาธารณสุข โรงพยาบาลของส่วนราชการอื่น ๆ และโรงพยาบาลของกทม.เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งมีศูนย์บริการสาธารณสุข จำนวน 61 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุขสาขา จำนวน 85 แห่งของกทม.เข้าร่วมโครงการด้วย จากการเริ่มทดลองในระยะแรกตั้งแต่ วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่นำร่องของกทม. 3 โซน (13 เขตนำร่อง) นับว่ามีประสิทธิภาพดี สำหรับระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.45 กทม.จะขยายการให้บริการเพิ่มเติมในเขตที่พร้อมอีกบางส่วน โดยประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้การดำเนินงานดียิ่งชึ้นโดยเฉพาะเรื่องการสำรวจสิทธิและการแจกบัตรทอง ในส่วนของเขตที่ยังไม่ให้บริการในระยะที่ 2 กทม.จะเร่งรัดให้บริการในระยะที่ 3 วันที่ 1 เม.ย.45
ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า กทม.จะสนับสนุนในเรื่องที่เกี่ยวกับทะเบียนราษฎรเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และซ้ำซ้อนกับกลุ่มผู้ที่มีสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลอยู่ก่อนแล้ว เช่น กลุ่มข้าราชการ กลุ่มผู้มีบัตรประกันสุขภาพ กลุ่มผู้มีบัตร สปร. เป็นต้น โดยกทม.จะประสานกับกระทรวงสาธารณสุขและกรมการปกครองอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นต่อไป--จบ--
-นห-