กรุงเทพประกันภัย เผย ผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรสุทธิกว่า 180 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 60

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--นิโอ ทาร์เก็ต
นายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 3 ของปี 2544 ว่า มีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 1,116.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 5.8 เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว บริษัทฯ มีกำไรจากการรับประกันภัยเป็นเงิน 72.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีรายได้สุทธิจากการลงทุน ซึ่งรวมกำไรจากการขายหลักทรัพย์และสินทรัพย์อีก 176.0 ล้านบาท และเมื่อหักภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 184.5 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 9.23 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 60.2
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2544 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 3,739.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9 มีกำไรจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 273.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.2 มีรายได้สุทธิจากการลงทุน ซึ่งรวมกำไรจากการขายหลักทรัพย์และสินทรัพย์แล้ว 293.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 83.1 เมื่อหักภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 412.1 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 20.61บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.7
นายชัย กล่าวถึง นโยบายและแผนการดำเนินงาน ในปี 2545 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมไว้ 6,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 หรือ 1,100 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากเบี้ยประกันภัยการบิน 800 ล้านบาท และจากการประกันภัยอื่นๆ อีก 300 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 โดยจะมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยจากการประกันภัยเบ็ดเตล็ด ร้อยละ 40 การประกันภัยยานยนต์ ร้อยละ 35 การประกันอัคคีภัย ร้อยละ 19 และการประกันภัยทางทะเลและขนส่ง ร้อยละ 6
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการวางแผนเชิงรุก และสำรวจความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้สำนักกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ มีหน้าที่กำหนดกลยุทธ์ และวิสัยทัศน์การทำธุรกิจของบริษัท รวมทั้งรับผิดชอบการออกแบบผลิตภัณฑ์ ตลอดจนรูปแบบการบริการใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
ซึ่งในปีหน้า บริษัทจะเน้นขยายงานกลุ่มลูกค้ารายย่อย ทั้งจากการขยายงานโดยตรง การขยายงานผ่านคู่ค้าของบริษัทฯ ได้แก่ ตัวแทนและนายหน้า เนื่องจากมองว่า ทิศทางของธุรกิจประกันภัยถูกกระทบจากการที่เศรษฐกิจชะลอตัว เพราะการลงทุนในโรงงานใหม่ๆ ไม่เกิดขึ้น ทำให้เบี้ยประกันภัยขยายตัวไม่มาก จึงทำให้ต้องหาช่องทางอื่นเข้ามาเสริม
นายชัย ยังกล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเสริมความรู้ด้านการประกันภัย พัฒนาสื่อการเรียนรู้ในหลากหลายรูปแบบ และสร้างบรรยากาศขององค์การให้เป็นองค์การเรียนรู้ ตลอดจนการพัฒนาด้านเทคโนโลยี โดยจัดทำเว็บไซต์ให้บริการประกันภัยออนไลน์ ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อกรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ. กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเดินทาง และการรับชำระเบี้ยประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประเภทต่าง ๆ โดยหักบัญชีบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพ และบัตรร่วมของ Visa และ Master Card
"ทิศทางสถานการณ์การแข่งขันในธุรกิจประกันภัย มีการแข่งขันที่รุนแรง บริษัทประกันภัยทุกแห่งต้องมีการเตรียมพร้อมที่จะพัฒนารูปแบบ และวิธีการให้บริการในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และการเปิดเสรีในระยะเวลาอันใกล้" นายชัยกล่าว
และเมื่อเร็วๆนี้ บริษัทฯได้ดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างใหม่ขององค์การ ด้วยแนวคิด "หนึ่งจุดบริการที่พร้อมสรรพเพื่อหลากความต้องการของลูกค้า" (Single Contact Point) โดยแบ่งการบริการตามประเภทของลูกค้า 4 ช่องทางใหญ่ๆ คือ สถาบันการเงิน บริษัทนายหน้า ตัวแทนประกันวินาศภัย และลูกค้าตรง ซึ่งทีมงานแต่ละช่องทาง สามารถให้บริการประกันภัยได้ครบทุกประเภทของกรมธรรม์ ซึ่งบริษัทใช้เวลา 2 ปี ในการเตรียมพร้อม และคาดว่าระบบต่างๆจะสมบูรณ์ได้ในปีหน้า ซึ่งโครงสร้างใหม่ดังกล่าวได้รับการตอบรับจากตัวแทน นายหน้า และลูกค้าเป็นอย่างดี นายชัยกล่าวในที่สุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
วัลภา สมสุข, ชัยณรงค์ ศราภัยวิทิต
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)
โทรศัพท์ 0-2285-8584 โทรสาร 0-2677-3758
หรือ วรรณี ลีลาเวชบุตร, สุจิรา วิโรจนะ
บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด (ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์)
โทรศัพท์ 0-2861-0881-5 ต่อ 17-20 โทรสาร 0-2438-4427--จบ--
-อน-