กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--กสท.
นายกิตติ อยู่โพธิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งเพิ่งรับ ตำแหน่งประธานคณะกรรมการการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้ กสท.ไปจัดกลุ่มบริษัทต่างๆ ที่ กสท.ร่วม ดำเนินงานและถือหุ้นอยู่ ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 30 ราย โดยให้แยกเป็นกลุ่ม บริษัทชั้นดี ปานกลาง และกลุ่มที่มีปัญหา เพื่อพิจารณาว่าสมควรที่ กสท.จะร่วมดำเนินการต่อ ให้การสนับสนุน หรือหากรายใดมีปัญหามากก็ อาจต้องยกเลิกการร่วมทุน ทั้งนี้จะตั้งคณะอนุกรรมการและที่ปรึกษามา วิเคราะห์การจัดกลุ่ม ซึ่งถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการแปรสภาพ กสท.ด้วย นายกิตติกล่าวว่า ในส่วนของการแปรสัญญากิจการโทรคมนา คมนั้น ถือว่ายังดำเนินต่อไปตามขั้นตอนที่คณะกรรมการกำกับการแปร สัญญา (กปส.) กำหนดให้แต่ละหน่วยงานไปเจรจากับคู่สัญญาเอง ซึ่งถือว่าไม่ซ้ำซ้อนกับการจัดกลุ่มกิจการร่วมทุนของ กสท. สำหรับการที่ กสท.จะขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) จำนวน 18 รายนั้น กสท.เตรียมพร้อมจะขายอยู่เช่นกัน และรอที่จะเสนอเรื่องกลับ ไปยังคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ประธานคณะกรรมการ กสท. กล่าวอีกว่า สำหรับกิจการ ไปรษณีย์ ที่ขณะนี้ยังไม่มีการขึ้นราคาค่าแสตมป์ แม้ว่า กสท.จะต้อง แบกรับภาระต้นทุนสูงกว่ารายได้นั้น คาดว่าโอกาสเป็นไปได้ที่จะปรับค่า แสตมป์จะเกิดขึ้นหลังการแปรสภาพ กสท.แล้ว นายกิตติกล่าวด้วยว่า กสท.ได้หารือถึงการประสานงานร่วม กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) ตามนโยบายของกระทรวง คมนาคมแล้ว 1 ครั้ง โดย กสท.ยืนยันความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนระบบต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ และได้แจ้งราคาพร้อมส่วนลดให้ ทศท.พิจารณาแล้ว ในส่วนของ กสท.นั้นยังต้องการความร่วมมือจาก ทศท. ในการยกเลิกการคิดค่าเชื่อมต่อสำหรับการบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ที่ ทศท.จะได้ส่วนแบ่งนาทีละ 6 บาท และค่าเชื่อมโยงโครงข่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่เลขหมายละ 200 บาท เพราะเป็นภาระต้นทุนดำเนินงาน--จบ--
-สส-
- ธ.ค. ๒๕๖๗ แต่งตั้งคณะกรรมการการสื่อสารแห่งประเทศไทย
- ธ.ค. ๒๕๖๗ กสท.ไฟเขียว 2 บริษัทโอนหุ้นให้ผู้ถือใหม่
- ธ.ค. ๒๕๖๗ กสท.-ทศท.ขัดแย้งกรณีสิทธิ์บริการไอเอสพี