กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--กทม.
เมื่อวันที่ (6 ต.ค.43) ที่สน.นางเลิ้ง นายชัยสิทธิ์ ภูวภิรมย์ขวัญ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปพบ พล.ต.ต.จงรักษ์ จุฑานนท์ รองผบช.น. และ พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว ผกก.นางเลิ้ง เพื่อยืนยันให้จับกุมนายสุขสันต์ พรหมบัญพงศ์ ในข้อหาหมิ่นประมาท ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมือวันที่ 5 ต.ค.43 ที่ผ่านมา เลขานุการผู้ว่าฯกทม.ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ที่สน.นางเลิ้งมอบคดีให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการจับนายสุขสันต์ พรหมบัญพงศ์ กรณีที่แอบอ้างชื่อผู้ว่าฯกทม.และเลขานุการผู้ว่าฯกทม.เข้าไปเรียกเก็บเงินจากบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการบำบัดน้ำเสียแห่งหนึ่ง
เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตนได้รับการติดต่อจากสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ขอสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียโครงการ 2 ดินแดง เนื่องจากมีกลุ่มคน นำโดยนายสุขสันต์ พรหมบัญพงศ์ ซึ่งอ้างว่าเป็นอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการคลัง สภากรุงเทพมหานคร และรู้จักคุ้นเคยกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และตน โดยแจ้งว่า หากประสงค์จะรับงานประมูล โครงการบำบัดน้ำเสีย มูลค่าสูงถึง 4,100 ล้านบาท แล้ว นายสุขสันต์ฯ พร้อมกับพวกสามารถช่วยเหลือได้ โดยมีเงื่อนไขจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น รวมเป็นจำนวนทั้งหมด 10% ของวงเงินงบประมาณก่อสร้าง ทั้งนี้เพื่อนำเงินค่าคอมมิชชั่นดังกล่าวไปประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมอบให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและตนต่อไป เนื่องจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและตนนั้น ได้ให้สิทธิเด็ดขาดกับกลุ่มนายสุขสันต์ฯมีอำนาจตัดสินใจในการพิจารณาโครงการฯ หลังจากได้รับข้อมูลดังกล่าวแล้วตนก็ได้รายงานผู้ว่าฯ
กทม.ทราบ ซึ่งผู้ว่าฯกทม.เห็นว่าการกล่าวอ้างดังกล่าวทำให้ผู้ว่าฯกทม.และตนเสียหาย จึงได้มอบให้ตนมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี จากนั้น เวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุมผู้ว่าฯกทม. นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ตั้งแต่ตนได้เข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้ว่าราชการกทม. ก็ได้ยินการพูดจามากมายเกี่ยวกับการที่มีคนอ้างชื่อตนและนายชัยสิทธิ์ ไปเรียกเก็บเงินจากกลุ่มบริษัท เอกชนต่าง ๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งเมื่อตนเดินทางไปต่างประเทศก็ได้ข่าวว่ามีคนไปขอเก็บเงินจากเอกชนรายหนึ่งอ้างว่าจะใช้เป็นตั๋วเครื่องบินของ
คณะผู้ว่าฯกทม.ในการเดินทางไปต่างประเทศ รวมทั้งมีกลุ่มบุคคลออกหากินอ้างชื่อตน และนายชัยสิทธิ์ฯ ไปเรียกร้องเก็บเงินก่อสร้างโครงการบำบัดน้ำเสียดังกล่าวทั้งที่โครงการนี้ได้ดำเนินการประมูลจนได้ผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ตนเองจะเข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม. ซึ่งตนก็ได้มอบหมายให้นายชัยสิทธิ์ฯ เดินทางไปแจ้งความที่สน.นางเลิ้ง จากนั้นได้มีการซุ่มดูและสามารถจับกุมผู้ที่แอบอ้างดังกล่าวได้ คือนายสุขสันต์ พรหมปัญพงศ์ อายุ 40 ปี อ้างว่าเป็นอาจารย์สอนสถาบันเทคโนโลยีมีชื่อแห่งหนึ่ง ต่อมานายณัฐคม แสงเรือง หรือมีฉายาว่า เปี๊ยก อ่างทอง ได้เดินทางเข้ามาประกันตัวนายสุขสันต์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นเวลาพอดีกับเจ้าของบริษัทที่โดนเรียกเก็บเงินได้เดินทางมาเป็นพยานร่วมชี้ตัวนายสุขสันต์ เกิดจำได้ว่า นายณัฐคม เป็นหนึ่งในแก๊งค์ผู้ร่วมขบวนการเรียกเก็บเงินดังกล่าวด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ารวบตัวเป็นผู้ต้องหาอีกคนหนึ่ง
ผู้ว่าฯกทม.กล่าวต่อไปว่า ตนขอประกาศว่าโครงการต่าง ๆ ของกทม. ในยุคนี้ไม่มีการเรียกเก็บเงินแต่อย่างใดทั้งสิ้น ถ้าออกข่าวไปอย่างนี้แล้ว ยังมีคนไปให้เงินอีก ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะตนได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า ต้องไม่มีการทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวง แม้แต่ในการประชุมข้าราชการที่แต่งตั้งใหม่ตนก็ย้ำว่าทุกคนต้องทำงานด้วยการเป็นคนที่มีมือสะอาดและยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ส่วนเรื่องนี้ทางตำรวจจะตั้งข้อหาอย่างไรนั้นก็ขอให้เป็นเรื่องของทางตำรวจที่จะพิจารณาเอง และหากทาง พ.ต.ต.จงรักษ์ จุฑานนท์ รองผบช.น. จะเดินทางมาพบตนเพื่อสอบปากคำต่อ ตนก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ--จบ--
-นศ-