กทม.ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขจัดโครงการ “รณรงค์รักษ์กรุงเทพ” เสริมสร้างพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เหมาะสม

กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--กทม.
ที่โรงแรมรีเจนท์ เขตปทุมวัน นพ.ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานแถลงข่าว กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และบริษัท โนวาร์ตีส นิวทรีชั่น (ประเทศไทย) จำกัด จัด “โครงการรักษ์สุขภาพ” โดยมีน.พ.กฤษณ์ หิรัญรัศ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม.และ มร.อเล็กซ์คิง กรรมการผู้จัดการบริษัทโนวาติสฯ ร่วมแถลงข่าว ทั้งนี้เพื่อรณรงค์เสริมสร้างพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เหมาะสม ป้องกันภาวะโภชนาการบกพร่อง ภาวะโภชนาการเกินและโรคต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ว่าประชากรโลกสุขภาพดีทั่วหน้า ปี 2545 รวมทั้งหลักสุขบัญญัติแห่งชาติข้อที่ 4 คือ “กินอาหารสุก สะอาด ปราศจากสารอันตราย และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด สีฉูดฉาด โดยเริ่มรณรงค์พร้อมกันทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2544 ถึงเดือนมีนาคม 2545
รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันวิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนแปลงจากอดีตไปอย่างมาก วิถีชีวิตที่เร่งรีบทำให้คนไทยละเลยเรื่องการดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย รวมถึงการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ส่งผลให้ปริมาณและคุณค่าอาหารที่ได้รับในแต่ละวันไม่สมดุลย์กับความต้องการของร่างกาย ซึ่งไม่ว่าจะมากหรือน้อยเกินไปก็ล้วนเป็นปัญหาสะสมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งสิ้น กระทรวงสาธารณสุขมีแนวคิดหลักให้ประชาชนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง โดยให้หน่วยงานภาครัฐเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพไปสู่ประชาชนทั่วประเทศ ให้รับทราบข่าวสารเกี่ยวกับการพัฒนาพฤติกรรมการบริโภคอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดี ทั้งนี้เนื่องจากโรคต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาสุขภาพมากมายเกิดขึ้นมาจากพฤติกรรมหรือการกระทำโดยตรงไม่ว่าจะเป็นการบริโภคอาหาร, การออกกำลังกาย, และความเครียด ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรค และการเจ็บป่วย อีกทั้งการมีสุขภาพดีจะเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณด้านการสาธารณสุขทั้งระดับบุคคล ครอบครัว และประเทศโดยรวม
ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม.กล่าวว่า “พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น พบเห็นได้ตามเมืองใหญ่โดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตกรุงเทพมหานครเด็กและเยาวชน ตลอดจนผู้ที่อยู่ในวัยทำงานมีแนวโน้มต่อการเป็นโรคอ้วนสูงขึ้น ซึ่งเมื่ออ้วนแล้วก็มีความเสี่ยงต่อการมีโรคอื่น ๆ ตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป นั้นถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรหันมาให้ความสนใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพด้านการบริโภคอาหาร และการออกกำลังกายอย่างจริงจัง พ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรเป็นตัวอย่างที่ดี และควรฝึกให้ลูกของตนมีวินัยในการกิน รวมถึงมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกต้อง อันจะช่วยให้เด็กเห็นความสำคัญและยึดถือปฏิบัติจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีของลูกหลาน ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต
นพ.กฤษณ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของกรุงเทพมหานครจะจัดอบรมวิทยากรฯ ซึ่งได้แก่ เจ้าหน้าที่อนามัยในศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครทั้ง 60 ศูนย์ 82 สาขา จำนวนประมาณ 300 คน ในวันที่ 25 และ 26 ม.ค.44 นี้ สำหรับกระทรวงสาธารณสุข จะจัดประชุมแกนนำทีมสุขภาพของโครงการฯ ซึ่งเป็นตัวแทนจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพทั้ง 26 แห่ง จำนวนประมาณ 60 คน ในวันที่ 6 ก.พ.44 และจะมีการติดตามผลการดำเนินงานตลอดจนประเมินผลร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังร่วมกับบริษัทโนวาติสฯ (โอวัลติน) จัดกิจกรรมโครงการรักษ์สุขภาพในโรงเรียน ระดับประถมศึกษากว่า 500 แห่งอีกด้วย เพื่อให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนโดยตรงเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้ความรู้แก่นักเรียนได้มากกว่า 125,000 คน โดยจะเริ่มดำเนินโครงการในปีการศึกษา 2544 นี้--จบ--
-นศ-