กรุงเทพฯ--5 ก.ค.--กทม.
กทม. ใช้ฐานข้อมูล กฟน. เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีป้าย พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ป้ายโฆษณา ใน กทม. เพิ่มความปลอดภัยให้ประชาชน
นายมุดตาฝ้า หมันงะ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.มีแนวคิดจะเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีป้าย โดยขอข้อมูลการใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มาเป็นส่วนประกอบ เพื่อตรวจสอบการติดตั้งป้ายในกรุงเทพฯ เนื่องจากการติดตั้งป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ต้องมีการขออนุญาตใช้ไฟฟ้า ส่วนป้ายโฆษณาที่ติดตั้งบนอาคารบ้านเรือน และมีการใช้ไฟฟ้าของสิ่งปลูกสร้างก็สามารถตรวจสอบได้จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง กทม. จะใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นฐานในการส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบการติดตั้งป้ายโฆษณา คาดว่าจะทำให้สามารถจัดเก็บภาษีป้ายได้ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ที่ผ่านมา กทม.สามารถจัดเก็บภาษีป้ายได้ประมาณปีละ 300 ล้านบาท ขณะที่ภาษีโรงเรือนและที่ดิน จัดเก็บได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท และภาษีบำรุงท้องที่ 100 ล้านบาท โดยในปี 2544 คาดว่า การจัดเก็บภาษีป้ายยังไม่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เพราะสภาพเศรษฐกิจยังชะลอตัว ทำให้ภาคเอกชนลดจำนวนการติดตั้งป้ายลง อย่างไรก็ตาม กทม. ได้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีประเภทต่างๆ ให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น โดยเฉพาะภาษีโรงเรือนและที่ดิน ซึ่งเป็นรายได้สำคัญ ด้วยการนำระบบแผนที่ GIS มาใช้ และในแต่ละปี กทม. ได้มีการแจ้งยอดการจัดเก็บภาษีด้านต่างๆ ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง
นายมุดตาฝ้า กล่าวเพิ่มเติมถึงการขอติดตั้ง และดูแลความปลอดภัยของป้ายโฆษณาต่างๆ ใน กทม. ว่า จะมีการแบ่งความรับผิดชอบตามขนาดความสูงของอาคาร คือ หากเป็นอาคารสูงไม่เกิน 3 ชั้น จะอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานเขตในพื้นที่ที่ติดตั้งป้ายโฆษณา แต่หากเป็นอาคารที่สูงมากกว่า 3 ชั้น หรือสูงเกิน 15 เมตร จะอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักการโยธา ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานจะตรวจสอบความปลอดภัยโดยส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลเป็นประจำ--จบ--
-นห-