ดร. ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA กล่าวถึงความสำคัญของ Digital ID ว่า เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการออกแบบระบบ Digital ID สำหรับคนต่างด้าว ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำให้ Digital Ecosystem ของไทยครอบคลุมและตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่มผู้ใช้งานได้อย่างเท่าเทียม โดยที่ผ่านมา ETDA ได้ร่วมทำงานกับหลากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความเข้าใจในประเด็นนี้อย่างต่อเนื่อง การพิสูจน์และยืนยันตัวตนสำหรับคนต่างด้าวมีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องในหลายมิติ ซึ่งเราได้ร่วมตกผลึกกับภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจอย่างกันรอบด้าน จึงนำมาสู่การเปิดเวที 'ETDA Hackathon: Unlocking the Future of Digital ID' ที่ชูแนวคิด 'จุดประกายความคิด ปลดล็อคอนาคต Digital ID' เพื่อเปิดโอกาสให้นักคิด นักพัฒนา และผู้มีทักษะด้านดิจิทัล คนรุ่นใหม่ ได้ร่วมสร้างต้นแบบนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้จริง โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการให้บริการที่สะดวก ปลอดภัย และเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมขับเคลื่อนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระดับโลก
การแข่งขัน'ETDA Hackathon: Unlocking the Future of Digital ID' ได้เดินทางมาถึงรอบสุดท้าย กับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศภายใต้โจทย์ที่ 2 "Digital ID for Foreigners" ที่ถูกออกแบบมาเพื่อค้นหาโซลูชัน นวัตกรรมที่เข้ามาช่วยแก้ไข้อจำกัดและปลดล็อคการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของคนต่างด้าวให้สามารถเข้าสู่การทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างทั่วถึงและปลอดภัย หลังจากคัดเลือกอย่างเข้มข้น ในที่สุดเราก็ได้ 10 ทีมสุดท้ายเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศกับโจทย์ที่ 2 ประกอบด้วย AINU, BCI : Human Right คนนี้แหละใช่จริงจริง, Davoy, Global Helpcare Solutions, InDistinct, keroro, Lorem Dimsum, Onochayama, Zimplexity, และ แพวบุ้คต๊ะฟ้า
ซึ่งแต่ละทีมได้นำเสนอแนวทางการพัฒนา Digital ID ที่หลากหลายเพื่อเข้าถึงบริการและการทำธุรกรรมต่างๆ ที่สะดวก ปลอดภัย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน ที่สำคัญสอดคล้องกับบริบทของคนต่างด้าว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว แรงงาน หรือผู้พำนักระยะยาว โดยมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทันสมัย อาทิ Biometrics(การยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ ใบหน้า หรือม่านตา) eKYC Blockchain Verifiable Credentials และแนวคิดการประยุกต์ใช้ใน Use Case ที่หลากหลาย เช่น การเข้าถึงบริการสุขภาพ การทำธุรกรรมทางการเงิน การเดินทาง หรือการใช้บริการภาครัฐและเอกชนที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของคนต่างด้าวแต่ละกลุ่ม
โดยตลอดช่วงก่อนการแข่งขันที่ผ่านมา ทีมผู้เข้าแข่งขันก็ได้รับการเสริมสร้างความรู้ผ่านกิจกรรม Pre-Hack Workshop โดยเฉพาะ Workshop ครั้งที่ 3 ที่เน้นเนื้อหาสำคัญและ Use Cases ที่เกี่ยวข้องกับ Digital ID for Foreigners โดยตรง อาทิ การแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับ ทิศทางของการใช้งาน Digital ID ข้ามพรมแดน โดยผู้เชี่ยวชาญจาก ETDA, Use Case Sharing วิธีการยืนยันตนลงทะเบียนเปิดใช้งานซิมของชาวต่างชาติในไทย โดยวิทยากรจาก สำนักงาน กสทช. และ Use Case Sharing Health ID ของคนต่างชาติในไทย จากแนวทางการลงทะเบียนเข้าระบบ MOPH-IC โดยวิทยากรจาก สำนักสุขภาพดิจิทัล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ควบคู่กับการเปิดโอกาสให้ทีมได้สอบถามและพูดคุยกับวิทยากรจากหน่วยงานต่างๆ ในรูปแบบ One-on-One เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับการพัฒนานวัตกรรม ก่อนที่ทั้ง 10 ทีมจะเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
โดย ETDA Hackathon: Unlocking the Future of Digital ID ภายใต้โจทย์ที่ 2 "Digital ID for Foreigners" รอบชิงชนะเลิศ เตรียมจัดขึ้นในวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ณ ห้อง Auditorium ชั้น 6 True Digital Park จากความร่วมมือระหว่าง ETDA และพาร์ทเนอร์สำคัญ ได้แก่ กรมการปกครอง, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD), กรมสรรพากร, กรมศุลกากร, สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.), สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA), สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา, สำนักสุขภาพดิจิทัล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์และ บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด โดยเวทีนี้ ถือเป็นการแข่งขันรอบตัดเชือกครั้งสุดท้าย ที่ทั้ง 10 ทีมที่ผ่านเข้ารอบ จะต้องแข่งขันกันในรูปแบบ Pitching ด้วยการนำเสนอไอเดีย นวัตกรรมที่สอดคล้องกับโจทย์การแข่งขัน เป็นเวลาทีมละ 5 นาที และถามตอบอีก 10 นาที ต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากหลากหลายสาขาที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA คุณจิตสถา ศรีประเสริฐสุข รองผู้อำนวยการ ETDA รวมถึง ผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำ อาทิ กรมการปกครอง สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และผู้บริหารจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เป็นต้น
ทีมที่คว้ารางวัลชนะเลิศ อันดับ 1 จะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 รับเงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร (e-Certificate) จาก ETDA พร้อมโอกาสในการต่อยอดนวัตกรรมสู่การใช้งานจริงไปพร้อมกับพาร์ทเนอร์ภาครัฐและเอกชนพร้อมโอกาสนำเสนอผลงานบนเวที Tech Showcase Stage ในงาน Techsauce Global Summit 2025
ผู้สนใจสามารถรับชม Live ถ่ายทอดสดการแข่งขันและร่วมลุ้นไปพร้อมกันทางเฟซบุ๊ก ETDA Thailand (https://www.facebook.com/ETDA.Thailand) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.etda.or.th/th/digital-id-hackathon
